เรียกได้ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย กระแสข่าวการโยกย้ายจากค่ายอื่น ไปสู่อีกค่ายหนึ่งเริ่มออกมาเป็นระลอกให้ติดตามกัน รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับธุรกิจที่เติบโตขึ้นในอนาคต หรือการเข้า Joint venture กับพันธมิตรธุรกิจไม่ว่าเป็นไทย หรือเทศ ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์บางรายฉีกแนวหันจับธุรกิจบนเส้นทางใหม่ แต่ยังไม่ทิ้งธุรกิจหลักอสังหาฯ ซึ่งจะมีรายใดบางนั้น มาเริ่มติดตามกันเลย…
NCH แตกไลน์ธุรกิจสู่วงการแพทย์
บริษัท เอ็น.ซี.เฮาส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า มีข่าวหนาหู ว่าขณะนี้มีกลุ่มทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาขอถือหุ้น และ ร่วมทุนทำโปรเจ็กต์อสังหากับบริษัทเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทเองอยู่ระหว่างพิจารณา แต่การร่วมทุนต้องศึกษาอย่างรอบด้าน และต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการร่วมทุนทางธุรกิจด้วย ดังนั้นปัจจุบันจึงยังไม่ได้ข้อสรุป
ซึ่งที่ผ่านมามีกลุ่มทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาขอร่วมทุนเป็นจำนวนมาก เพราะต่างมองว่าบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี แต่อย่างไรก็ดีทางบริษัทยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งต้องมีการศึกษาพิจารณาให้ดีก่อนร่วมทุน
พร้อมกันนี้ ทางเอ็น.ซี ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุนกับโรงพยาบาลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อต่อยอดธุรกิจร่วมกัน ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปในระยะถัดไป รวมถึงการเจรจากับกลุ่มทุนญี่ปุ่นเพื่อทำ “โครงการบ้านผู้สูงอายุ” ก็เช่นเดียวกัน คาดว่าเร็วๆนี้น่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น
ด้านแนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 จะเติบโตต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายลดภาษีอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐทั้งในส่วนของการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง ซึ่งจะมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดนโยบายดังกล่าวช่วงเมษายน 2559นี้ น่า จะเป็นตัว แปรสำคัญที่สนับสนุนให้ยอดขายเติบโตค่อนข้างมาก
ปัจุบันโครงการที่อยู่ระหว่างการขายเริ่มทยอยโอน อาทิ คอนโดเนทูเรซ่า พัทยาเหนือ (เฟส1) จำนวน 406 ยูนิต มูลค่า 611.5 ล้านบาท ล่าสุดมียอดขายแล้ว 90% (เริ่มโอนปี 58), คอนโดเนทูเรซ่า พัทยาเหนือ (เฟส2) จำนวน 406 ยูนิต มูลค่า 626.8 ล้านบาท ล่าสุดมียอดขายแล้ว 50% (เริ่มโอนกลางเดือน เม.ย.59 ที่ผ่านมา) และคอนโดดิอามองค์ เชียงใหม่ จำนวน 227 ยูนิต มูลค่า 482.6 ล้านบาท(เริ่มทยอยโอนนับตั้งแต่เดือนม.ค.59)
และล่าสุดเตรียมเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 3 พันล้านบาท เป็นโครงการแนวราบในปริมณฑลทั้งหมด เป็นบ้านเดี่ยวชื่อว่า “ฌาม” สนามกอล์ฟธัญญะ-วงแหวนลำลูกกาติดรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม จำนวน 200 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1.2 พันล้านบาท ส่วนอีก 2 โครงการจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559
อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ 600 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายที่ 2.6 พันล้านบาท
UV ตั้งกองทรัสต์รายได้ทุบสถิติ
บริษัท ยูนิ เวนเจอร์ (UV) ในปีนี้ ทางบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท จากปี 2558 ที่ทำได้ 1.32 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักจะยังมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาทรัพย์ใกล้เคียงปี 2558 ที่มีสัดส่วน 90% การเติบโตในปีนี้จะมาจากทั้งโครงการบ้านเดี่ยวของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอป เม้นท์ (GOLD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ UVเป็นผู้พัฒนาโครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทยังมีโอกาสเติบโต
สำหรับยอดขายรอรับรู้รายได้ หรือของบริษัทในส่วนเฉพาะของคอนโดมิเนียมปัจจุบันค่อนข้างมั่นคง ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกปี 2559 สามารถรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปัจจุบันบริษัทมีแบ็กล็อกของโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้และต่อเนื่องในปี 2560 โดยแบ็กล็อกดังกล่าวยังไม่นับรวมโครงการบ้านเดี่ยวของ GOLD
ขณะที่เป้ารายได้ในปี 2559 ถือเป็นผลการดำเนินการ ที่บริษัททำจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยการเติบโตมาจากธุรกิจหลักคืออสังหาริมทรัพย์ และยังได้รับปัจจัยเสริมจากการทยอยรับรู้รายได้การขายสินทรัพย์เพื่อจัดตั้งกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (GVREIT) มูลค่ากอง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2559 การขายสินทรัพย์เข้ารีทดังกล่าว บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้เข้าเป็นระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งในปี 2559 จะรับรู้ รายได้ในช่วง 9 เดือนหลังของปีนี้ ส่วน ที่เหลือจะทยอยรับรู้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560
ปัจจุบัน GOLD เป็นผู้ถือหน่วยลงทุนใน GVREIT 25.01% ซึ่งแผนความคืบหน้าการขยายขนาดของกอง GVREIT นั้น โดยนำโครงการเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ มีพื้นที่ประมาณ 5 หมื่นตารางเมตร ซึ่ง GOLDเป็นผู้พัฒนาโครงการปัจจุบันมีอัตรา การเช่าพื้นที่ 60% ทั้งนี้มีนโยบายให้อัตราเช่าพื้นที่เพิ่มเป็น 85-90% ก่อนโดยจะใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี จึงจะนำมาขายเข้าเพื่อขยายขนาดกอง GVREIT
SPALI เหมาะลงทุนกลาง-ยาว
ฟาก บมจ.ศุภาลัย ในไตรมาส 1 ปี 59 มีรายได้อยู่ที่ 6,209 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของแนวราบที่ 70% และคอนโดมิเนียม 30% โดยยอดของ ไตรมาส 1 ปี 59 คิดเป็น 23% ของเป้าที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 24,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5%
โดยมี 2 โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมส่งมอบ คือ Supalai Vista @ Tiwanon และ Supalai City Resort รัชโยธิน บวกกับคืนวันส่งท้ายก่อนหมดมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มียอดส่งมอบสูงถึง 4,000 ล้านบาท โดยทำยอด 1,000 ล้านบาทได้ในวันที่ 28 เม.ย. เพียงวันเดียว ดังนั้นคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการของไตรมาส 2 ปี 59 จะคงแข็งแกร่งใกล้เคียงไตรมาส 1 ปี 59 และคาดว่าหลังหมดมาตรการในเดือน พ.ค. – มิ.ย.
ขณะที่ รายได้ของปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 22,480 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5.2%จากปีก่อน) โดยรายได้หลักจะอยู่ในครึ่งแรกของปี 59 ประมาณ 60% และ 40% ในครึ่งหลังของปี 59
นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับประมาณการรายได้และกำไรสุทธิของในปี 2560 เพิ่มขึ้น 8% มี Backlog ที่รอส่งมอบในปี 2560 ที่สูงถึงกว่า 12,000 ล้านบาท จากโครงการคอนโดมิเนียมและยอดแนวราบ โดยตั้งเป้ารายได้คาดว่าในปี 2560 จะอยู่ที่ 25,532 ล้านบาท( เพิ่มขึ้น13.6%จากปี 59) และมีกำไรสุทธิที่ 5,507 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น13%จากปี 59)
PS ย้ำจุดยืน คือ มั่นคงและยั่งยืน
บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หลังจากได้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกิจการที่ทางคณะกรรมการบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จํากัด (มหาชน) โดยมีมติเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ให้เสนอแผนการปรับโครงสร้างกิจการของบริษัท โดยการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งภายใต้ชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน)
ขณะที่โครงสร้างใหม่ที่เกิดขึ้นประกอบด้วย 1.ความเป็นผู้นําในตลาดอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มผู้มีรายได้ระดับน้อยถึงปานกลาง 2.เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน และ3.หาโอกาสในการดําเนินธุรกิจใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ที่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นแผน 5 ปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปี 2563 ที่ประมาณ 1 แสนบ้านบาท
นอกจากนี้ มีการปรับเปลี่ยนและแต่งตั้ง นายปิยะ ประยงค์ ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการกลุ่มแวลู พร้อมแต่งตั้งให้นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ที่เดิมดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม เป็นกรรมการผู้อำนวยการกลุ่มพรีเมี่ยม ทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป และบ้านเดี่ยวตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ ทางพฤกษา ยังมองหาธุรกิจใหม่ๆ เน้นการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มคาดว่าจะเป็นธุรกิจประเภท โรงแรม
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com