ตรวจสุขภาพเศรษฐกิจไทย 2016

Chetapol Manit10 พ.ค. 2559

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เสมือนเรือกลางทะเลที่ต้องต่อสู้กับคลื่นลม ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับปัญหาเครื่องยนต์และรอยรั่วต่างๆ ขณะนี้ผ่านเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 แล้ว DDproperty จึงอยากเชิญชวนมาตรวจสุขภาพเศรษฐกิจไทยกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เติบโตอย่างชะลอตัวด้วยกำลังภายใน

จากรายงานของ EIC (Economic Intelligence Center) ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ว่าในปี 2559 นี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตในอัตราที่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยประมาณการการเติบโตอยู่ที่ 2.5% สาเหตุหนึ่งนั้นมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาการเติบโตด้วยเศรษฐกิจภายในประเทศแทน โดยเฉพาะการเติบโตอันเป็นผลเนื่องมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐ ผ่านมาตรการสนับสนุนและการลงทุนโดยภาครัฐ ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร มาตรการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มาตรการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งช่วยการฟื้นตัวของอุปสงค์ภาคเอกชนภายในประเทศ ที่จะนำไปสู่การจ้างงาน และทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของรายได้ครัวเรือนต่อไป ในขณะที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐ เช่น การก่อสร้างรถไฟฟ้า และโครงการคมนาคมในต่างจังหวัดช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนได้

การเติบโตจำกัดจากการส่งออกแผ่ว

ประเทศไทยนั้นพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมาก ดังนั้นสภาพเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยจึงมีความสำคัญมาก เช่น สหรัฐอเมริกา ยูโรโซน ญี่ปุ่น จีนและกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งที่เป็นการส่งออกในรูปสินค้า หรือบริการต่างๆ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างการผลิตของประเทศต่างๆ ที่ต้องการลดการพึ่งพาการส่งออก และเน้นการเติบโตภายในประเทศ ทำให้ความต้องการสินค้าลดลง และเป็นข้อจำกัดในการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าไทย โดยอีไอซีประเมินว่าการส่งออกจะหดตัวลง 2.1% โดยแต่ละประเทศมีประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ดังนี้

ภาพรวมเศรษฐกิจไทย 2559

ภาพรวมเศรษฐกิจไทย 2559

สหรัฐอเมริกา
เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตช้าๆ จากปัจจัยภายใน มีแนวโน้มที่เงินบาทจะอ่อนค่าตามการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งการที่เงินบาทอ่อนค่านั้นจะมีส่งเสริมการส่งออกของไทย

ยูโรโซน
เศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับปีก่อน การส่งออกของไทยไปยังยูโรโซนจึงไม่น่าจะขยายตัวมากนัก อีกทั้งค่าเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าจากการผ่อนคลายนโนบายการเงินชุดใหญ่ ECB ขณะที่เงินบาทก็มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเช่นเดียวกัน ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าส่งออกของไทยไปยังยูโรโซน

ญี่ปุ่น
เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงอ่อนแอจากอุปสงค์ภายในและภายนอกประเทศ ช่วงต้นปีการเติบโตทางเศรษฐกิจยังถูกฉุดจากการหดตัวของการบริโภคภาคเอกชน และรายจ่ายการลงทุนของภาครัฐและการส่งออกที่หดตัวลงเช่นกัน สำหรับการส่งออกของไทยไปยังญี่ปุ่นนั้นก็จะชะลอตัวเช่นกัน ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเข้าสู่ภาวะถดถอยที่จะกระทบต่อการลงทุนจากญี่ปุ่นในประเทศไทยได้

จีน
การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนนั้นทำให้เกิดการหดตัวของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ และส่งผลกระทบต่อไทยโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ในกลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง แต่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยังสามารถขยายตัวได้ เช่น ผลไม้แปรรูป แต่หากการปฏิรูปนี้ส่งผลต่อการหดตัวของการบริโภคของจีน อาจกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้เช่นกัน

อาเซียน
เศรษฐกิจอาเซียนทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามนั้นยังคงเผชิญกับการชะลอตัวลงของภาคอุตสาหกรรม ทำให้ต้องพึ่งพาการเติบโตจากภายในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมชะลอตัวก็คือการส่งออกที่หดตัวเนื่องจากเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว โครงสร้างการค้าโลกที่เปลีย่นไปทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำลง ซึ่งเมื่ออาเซียนทั้ง 4 ประเทศนั้นเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจก็จะส่งผลต่อการส่งออกของไทยไปยัง 4 ประเทศนี้เช่นกัน แต่ในด้านการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนก็ยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยเนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศเหล่านี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตได้ในระดับสูง

รายการอ้างอิง: EIC Outlook ไตรมาส 2/2016: SCB Economic Intelligence Center

Picture Reference: smallbiztrends.com

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ Online Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ chetapol@ddproperty.com

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ