กิจการแบบใดเข้าข่ายขอสินเชื่อ SME จากแบงก์ได้

14 มิ.ย. 2559

Small Business Enterprise

เจ้าของกิจการหลายคนคงเคยตั้งคำถามว่า “กิจการของฉันถือเป็น SME หรือไม่” หรือ “กิจการแบบไหนที่เรียกว่า SME” โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ให้คำจำกัดความของ SME ไว้ว่า คือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจส่วนใหญ่ของประเทศและมีความสำคัญไม่น้อยต่อกระบวนการพัฒนาประเทศ
นอกจากนี้ ภาครัฐยังได้ออกกฎกระทรวงที่กำหนดขนาดของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คือ “กฎกระทรวง กำหนดการจ้างงานและมูลค่าทรัพย์ถาวรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2545” โดยหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกกิจการของ SMEs ว่าจะเป็นวิสาหกิจขนาดกลางหรือขนาดย่อม มีด้วยกัน 2 เกณฑ์ คือ

1. จำแนกตามมูลค่าของสินทรัพย์ถาวร และ

2. จำแนกตามจำนวนการจ้างงาน

หลักเกณฑ์การจำแนกประเภท SME

สำหรับกิจการ SMEs ที่ สสว. ให้การสนับสนุนและส่งเสริมจะครอบคลุมเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในกิจการผลิตสินค้า กิจการให้บริการ และกิจการค้าส่งและค้าปลีก โดยความหมายของแต่ละกิจการ มีดังนี้ (ที่มา : www.sme.go.th โดยข้อมูลอ้างอิงตามกฎกระทรวงกำหนดจำนวนการจ้างงานและมูลค่าสินทรัพย์ถาวรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2545)

1. กิจการผลิตสินค้า หมายความครอบคลุมถึง การผลิตที่เป็นลักษณะของการประกอบการอุตสาหกรรมทุกประเภท โดยความหมายที่เป็นสากลของการผลิตก็คือการเปลี่ยนรูปวัตถุให้เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ด้วยเครื่องจักรกล หรือเคมีภัณฑ์ โดยไม่คำนึงว่างานนั้นทำโดยเครื่องจักรหรือด้วยมือ ทั้งนี้ กิจการผลิตสินค้าในที่นี้รวมถึงการแปรรูปผลิตผลการเกษตรอย่างง่ายที่มีลักษณะเป็นการอุตสาหกรรม การผลิตที่มีลักษณะเป็นวิสาหกิจชุมชน และการผลิตที่เป็นการประกอบอุตสาหกรรมในครัวเรือนด้วย

2. กิจการการบริการ หมายความครอบคลุมถึง การศึกษา สุขภาพ การบันเทิง การขนส่ง การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ การโรงแรมและหอพัก ภัตตาคาร การขายอาหาร การขายเครื่องดื่มของภัตตาคารและร้านอาหาร การให้บริการเช่าสิ่งบันเทิงและการพักผ่อนหย่อนใจ การให้บริการส่วนบุคคล บริการในครัวเรือน บริการที่ให้กับธุรกิจ การซ่อมแซมทุกชนิด และการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว

3. กิจการค้าส่งและค้าปลีก  หมายถึง การให้บริการเกี่ยวกับการค้า โดยที่การค้าส่ง หมายถึง การขายสินค้าใหม่และสินค้าใช้แล้วให้แก่ ผู้ค้าปลีก ผู้ใช้ในงานอุตสาหกรรม งานพาณิชยกรรม สถาบัน ผู้ใช้ในงานวิชาชีพ และรวมทั้งการขายให้แก่ผู้ค้าส่งด้วยกันเอง ส่วนการค้าปลีก หมายถึง การขายโดยไม่มีการเปลี่ยนรูปสินค้าทั้งสินค้าใหม่และสินค้าใช้แล้วให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อการบริโภคหรือการใช้ประโยชน์เฉพาะส่วนบุคคลในครัวเรือน การค้าในที่นี้มีความหมายรวมถึง การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนการซื้อขาย  สถานีบริการน้ำมัน และสหกรณ์ผู้บริโภค

ในด้านกฎหมายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เมื่อปี 2543 ได้มีการตรา  “พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543” เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยจัดให้มีกระบวนการช่วยเหลือ  ส่งเสริมและสนับสนุน  และมาตรการด้านสิทธิและประโยชน์ที่เหมาะสม โดยมีสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องไปในทิศทางเดียว มีคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน มีกองทุนที่เรียกว่า “กองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนส่งเสริมและช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างมีประสิทธิภาพ

จากข้อมูลดังกล่าวของ สสว. ถือเป็นเกณฑ์พื้นฐานในการอธิบายถึงกิจการ SME แต่จากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นขอสินเชื่อของ SME กับสถาบันการเงิน ก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับประเภทกิจการแบบเฉพาะเจาะจง เนื่องจากกิจการบางประเภทมีธนาคารที่ให้บริการโดยเฉพาะ เช่น กิจการเกี่ยวกับธุรกิจการเกษตร จะมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธนาคารที่ให้บริการเฉพาะกิจการ SME อย่างธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือที่เรียกกันคุ้นเคยว่า “SME Bank” ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐที่เปรียบเสมือนเป็นที่ปรึกษาให้กับ SME

ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ทั่วไปหลายแห่ง ปัจจุบันก็มีการให้บริการกับ SME อย่างจริงจัง มีสินเชื่อเฉพาะ SME มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษากับ SME โดยเฉพาะ ซึ่งบางธนาคารได้แบ่งย่อยกิจการ SME ออกเป็นแต่ละประเภทธุรกิจ เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจค้าส่ง ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการขนส่งสินค้า ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภาครัฐ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเอกชน ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องเกษตร ธุรกิจการผลิต/โรงงาน เป็นต้น เพราะแต่ละประเภทธุรกิจมีรายละเอียดเฉพาะทางที่แตกต่างกันออกไป รูปแบบความต้องการสินเชื่อ ระยะเวลาที่เหมาะสมกับการชำระเงินกู้ที่แตกต่างกัน

ดังนั้น หากวิเคราะห์ได้แล้วว่า กิจการของตัวเองเข้าข่ายเป็น SME และเข้าข่ายการยื่นขอสินเชื่อ SME หรือไม่ เจ้าของกิจการ SME ก็ควรเลือกธนาคารที่เหมาะกับประเภทกิจการของตัวเอง เพื่อให้ได้สินเชื่อตามวัตถุประสงค์ และได้ที่ปรึกษาทางธุรกิจที่สอดคล้องกับกิจการของตัวเองด้วย

คิดต่อเติม ขยายกิจการ หรือเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ รวมถึงใช้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ทดลองใช้เครื่องมือคำนวณสินเชื่อ http://www.ddproperty.com/bank/uob หรือ ติดต่อศูนย์ธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs ธนาคารยูโอบี โทร. 0-2343-3555

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

“คิงเพาเวอร์”เหินฟ้าซื้อไทยแอร์เอเชีย

หลังจากตกเป็นกระแสมาสักระยะหนึ่ง ล่าสุด ปิดดีลแอร์เอเชียเคาะขายหุ้นใ

อ่านต่อ14 มิ.ย. 2559

เผยชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ เลือก“เช่า”อสังหาฯ มากกว่าซื้อ

เผยต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทยนิยม “เช่า” อสังหาฯ มากกว่า “ซื้อ” ตัดปัญ

อ่านต่อ14 มิ.ย. 2559