สยามเมืองยิ้มขึ้นแท่นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรสูงวัยสูงสุดในอาเซียน AREA แนะเริ่มศึกษาแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยจากฮ่องกง-สิงคโปร์-ญี่ปุ่น
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่าจากข้อมูลของสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ที่ทำการสำรวจเกี่ยวกับอายุของประชากรทั่วโลก โดยเมื่อเจาะมาที่ภูมิภาคอาเซียนแล้ว พบว่าประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรสูงวัย (อายุตั้งแต่ 65 ปี) มากที่สุดในภูมิภาค โดยมีสัดส่วนสูงถึง 10% ตามมาด้วยสิงคโปร์ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 9% เท่านั้น และอินโดนีเซีย รั้งในอันดับ 3 ที่สัดส่วนผู้สูงวัยอยู่ที่ 7% ต่างกับประเทศอย่างกัมพูชา บรูไน ฟิลิปปินส์ และลาวมีสัดส่วนผู้สูงวัยเพียง 4%
“ประเทศที่มีสัดส่วนผู้สูงวัยน้อยนั้น ส่วนมากเป็นประเทศที่ยากจน มีภัยสงครามมาก่อน ทำให้จำนวนประชากรสูงวัยมีจำนวนจำกัด ในทางตรงกันข้ามประเทศที่มีสัดส่วนผู้สูงวัยมากมักเป็นประเทศที่มั่งคั่ง เช่นในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป มีสัดส่วนประชากรสูงวัยสูงถึง 15-19% แต่หากมีมากเกินไปเช่น ญี่ปุ่น ที่มีถึง 27% หรือราวหนึ่งในสี่ของประชากรทั้งประเทศอาจจะกลายเป็นภาระได้ เพราะผู้สูงวัยส่วนมากไม่ได้ประกอบอาชีพแล้ว” ดร.โสภณกล่าว
ในส่วนของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น ไทยควรจะศึกษาแบบอย่างในการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับสังคมสูงวัยจากประเทศที่กำลังเผชิญสภาวะดังกล่าวอย่าง ฮ่องกง, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
ในฮ่องกงมีที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย ปกติจะเป็นห้องชุดในชั้นล่างสุด หรือห้องชั้นบนเหนือห้องชุดที่ชั้นล่างสุดเป็นร้านค้าหรือประกอบธุรกิจ หรือเป็นห้องชั้นล่างในบ้านพักอาศัย ส่วนแบบที่ออกแบบสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะซึ่งจะเป็นโครงการที่มีผู้สูงวัยอยู่รวมกัน ในอาคารจะมีระบบเตือนภัยฉุกเฉิน ระบบฉีดน้ำดับเพลิง ระบบควัน พื้นที่ไม่ลื่น ทางเดินที่มีมือจับ และมีห้องน้ำที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงวัย-ผู้พิการ เป็นต้น
ในขณะที่ในสิงคโปร์ การเคหะแห่งชาติของสิงคโปร์จะมีการจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ โดยจะมีทั้งแบบแยกและแบบที่ออกแบบสำหรับคนในครอบครัวเดียวกัน และมีมาตรฐานที่แน่ชัด เพราะในอนาคตจำนวนประชากรสูงวัยก็จะมีมากขึ้น สำหรับการผ่อนชำระ ก็สามารถผ่อนชำระได้ตามวัยที่แตกต่างกัน เช่น อายุ 60 ปี หรือ 70 ปี ในระยะเวลาการผ่อนหรือเช่าที่แตกต่างกันเช่น 10 หรือ 20 ปี เป็นต้น
“อสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้สูงวัยเป็นสิ่งที่พึงศึกษาเพื่อเตรียมการพัฒนาให้มากขึ้น รวมทั้งรองรับผู้สูงวัยจากญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี และประเทศอื่น ๆ ที่จะเดินทางมาอยู่อาศัยในประเทศไทย เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่านั่นเอง” ดร.โสภณ สรุป
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com