เจเอเอส แอสเซ็ท เปิดคอมมูนี้ตี้มอลล์แห่งใหม่ “แจส เออเบิร์น ศรีนครินทร์” มูลค่า 600 ล้านบาท แบแผนดอดคุยพันธมิตรร่วมทุน ผุดโปรเจคมิกส์ยูสปี’60
นายสุพจน์ วรรณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ (J) เปิดเผยว่าในปีนี้ ทางบริษัทคาดรายได้และกำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปีก่อนที่ทำได้ 539.21 ล้านบาท และกำไร 58.15 ล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากมาจาก IT Junction 70% ส่วนคอมมูนิตี้มอลล์ และอื่นๆ ตลาดชุมชน หรือ J Market อีก 30% โดยคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะสามารถรับรู้รายได้จากคอมมูนิตี้มอลล์ที่เปิดใหม่ สัดส่วนจะปรับเปลี่ยนเป็น 50% และ IT Junction จะคงเหลือ 50% ขณะที่จะยังคงรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 58 ที่อยู่ 10.78% และอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 23.10%
“หลายฝ่ายมองว่า กำลังซื้อในธุรกิจค้าปลีกช่วงนี้ค่อยข้างอยู่ลำบาก เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่คอมมูนิตี้มอลล์ต้องใช้เวลาปลุกปั่นอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป ถึงจะเข้าที่เข้าทาง แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 และ 4 แนวโน้มน่าจะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ ทางบริษัทมั่นใจรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการขยายสาขาทั้ง IT Junction ,ศูนย์การค้าชุมชน Tha Jas และตลาดชุมชน J Market อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยังมีแผนเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า หรือเช่าพื้นที่มาบริหาร คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตได้
ทั้งนี้ บริษัทฯยังมีแผนขยายสาขา IT Junction อย่างต่อเนื่องที่คาดปีนี้จะมีทั้งสิ้น 55 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 48 สาขา และ ศูนย์การค้าชุมชน (The Jas) จะอยู่ที่ 3 สาขา โดยแบ่งเป็น The Jas วังหิน มีอัตราการเช่าแล้ว 95% มีพื้นที่ขาย 5,000 ตารางเมตร ส่วน The Jas รามอินทรา เป็นที่ดินเช่าระยะยาว 30 ปี พื้นที่ขาย 12,000 ตารางเมตร ซึ่งมีอัตราการเช่าแล้วมากกว่า 90% คาดว่าจะครบ 100% ได้ในปีนี้
ล่าสุด เปิดตัวคอมมูนิตี้มอลล์ แจส เออเบิร์น ศรีนครินทร์ โดยใช้งบลงทุน 600 ล้านบาท เนื้อที่ 11 ไร่ มีพื้นที่ขาย 17,000 ตารางเมตร เป็นอาคารรีเทล 3 ชั้น และชั้นจอดรถใต้ดิน 1 ชั้น สามารถจอดรถได้ 450 คัน โดยจะเปิดในช่วงปลายปีนี้ ปัจจุบันได้เปิด พรีเซลแล้ว และสามารถเปิดขายพื้นที่ไปได้แล้วกว่า 60% และคาดจะครบ 100% ในช่วงปลายปีได้ ปัจจุบันค่าเช่าเริ่มที่ 800 บาทต่อตารางเมตร โดยมีร้านค้าที่ร่วมโครงการฯ เช่น ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต สตาร์บัคส์ คาซะ เจมาร์ท เป็นต้น ขณะที่ตลาดชุมชน (J Market) ปีนี้จะมีทั้งสิ้น 5 แห่ง จากปัจจุบันมีจำนวน 4 แห่ง
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เพิ่มงบลงทุนเป็น 1,000 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ที่ 650 ล้านบาท ใช้ในการขยายสาขา ขณะเดียวกันมีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการ ,เช่าตึกเพื่อบริหาร ,รับช่วงต่อบริหาร และซื้อที่ดินเพื่อสร้างใหม่ 3-4 แปลง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ย่านรัตนาธิเบศร์ ดอนเมือง และ หัวหิน ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบของโรงแรม / อพาร์ตเม้นต์ หรือเป็นแบบมิกซ์ยูส ส่วนที่ดินที่จะนำมาพัฒนานั้น อยู่ระหว่างการเจรจาราว 20 -30 ไร่ เป็นโครงการที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ขณะนั้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบความเป็นไปได้ และพร้อมเปิดทางร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจด้วย
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com