รมว.อาคม เผยไฮสปีดเทรน เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ งบพุ่งแตะ 5.3 แสนล้านบาท ชี้ไม่คุ้มผลตอบแทนทางการเงิน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับรองอธิบดีกรมการรถไฟของญี่ปุ่นว่า ทางญี่ปุ่นรายงานผลการศึกษาขั้นกลางในส่วนของมูลค่าลงทุน โครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ภายใต้ความร่วมมือระบบรางไทย-ญี่ปุ่น โดยพบว่ามีความคุ้มค่าด้านสังคมและเศรษฐกิจ แต่อาจจะยังไม่คุ้มค่าด้านการเงิน ดังนั้นทางญี่ปุ่นจึงเสนอให้ไทยเร่งศึกษาการพัฒนาพื้นที่ข้างทาง เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าทางการเงิน
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เร่งศึกษาและจัดทำแผนแม่บท(มาสเตอร์แพลน) เพื่อพิจารณาศักยภาพของเมืองริมทางรถไฟ รวมไปถึงการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางให้ชัดเจนภายใน 1 ปี ส่วนประเด็นมูลค่าโครงการตอนนี้เป็นเพียงการศึกษาขั้นต้น โดยยังมีบางประเด็นที่ญี่ปุ่นศึกษามาไม่ตรงกับผลการศึกษาของไทย ทำให้มูลค่าลงทุนยังสูงยังต่ำกว่ากัน ไทยจึงขอให้ญี่ปุ่นกลับไปศึกษาและนำมาเสนอใหม่
ส่วนรูปแบบการลงทุนเบื้องต้นญี่ปุ่นเสนอให้รัฐลงทุนในส่วนงานก่อสร้าง และตัวระบบ ส่วนตัวรถ และการบริหารจัดการ มี 2 ทางเลือกคือ 1. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ตั้งบริษัทลูกเข้ามาบริหาร และ 2.เปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมทุนในรูปแบบพีพีพี โดยไทยเสนอญี่ปุ่นแบ่งช่วงพัฒนาเป็น 2 ช่วง คือ 1.กรุงเทพฯ – พิษณุโลก และ 2.พิษณุโลก – เชียงใหม่
“รัฐบาลไทยและญี่ปุ่นมีความประสงค์ที่จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมฯ เพื่อดำเนินการปรับปรุงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การลดต้นทุนด้านการขนส่งสินค้า และส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางรถไฟ โดยสำนักงานใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการศึกษารายละเอียดด้านแผนงาน และเงื่อนไขในการดำเนินธุรกิจการขนส่งสินค้า จากนั้นจะมีการรายงานผลเกี่ยวกับธุรกิจการขนส่งสินค้าให้กับภาครัฐในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายนนี้“
การจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมเพื่อเตรียมการสำรวจ และพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ถือเป็นความก้าวหน้าในการพัฒนาตามกรอบความร่วมมือด้านรถไฟของรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่น หลังจากก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ได้มีการร่วมมือกับบริษัทญี่ปุ่น ในการปล่อยขบวนรถสินค้า ทดลองขนส่งคอนเทนเนอร์ขนาดเล็กขนาด 12 ฟุต ในเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านใต้ เส้นทางสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ไปแล้ว ซึ่งปัญหาจากการทดลองขนส่งสินค้านั้นจะได้มีการศึกษาเพื่อแก้ไขและปรับปรุงต่อไป”
ทั้งนี้ ในส่วนของมูลค่าโครงการซึ่งทางญี่ปุ่นนำเสนอเข้ามาราว 5.3 แสนล้านบาท สูงจากวงเงินที่ไทยเคยศึกษาไว้ว่าจะลงทุน 4.4 แสนล้านบาท หรือสูงกว่า 9 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจึงขอให้ญี่ปุ่นกลับไปพิจารณาใหม่ โดยเฉพาะวงเงินก่อสร้าง ญี่ปุ่นให้แยกราง(แทร็ค)ตั้งแต่แนวเส้นทางบางซื่อ–บ้านภาชี ทำให้มูลค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น ขณะผลการศึกษาของไทยใช้แทร็คในช่วงดังกล่าวร่วมกับรถไฟไทย–จีนเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยจะมีการประชุมความคืบหน้าโครงการอีกครั้งในวันที่ 20 มิถุนายนนี้
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com