ประกันชีวิต แหล่งเงินกู้ที่หลายคนไม่รู้

Chetapol Manit15 มิ.ย. 2559

“ประโยชน์ของประกันชีวิต นอกจากจะให้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังให้สิทธิกู้ยืมเงินในยามที่เราจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉินอีกด้วย” – K-Expert

รู้หรือไม่ว่า ประกันชีวิตที่เราทำไว้ไม่ใช่เพียงให้ความคุ้มครองชีวิตเท่านั้น แต่ยามที่เราจำเป็นต้องใช้เงินก้อนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียนลูก ค่าบัตรเครดิต ค่าซ่อมแซมบ้าน หากเงินออมที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แทนที่จะกดเงินล่วงหน้าจากบัตรกดเงินสด หรือกู้เงินจากเจ้าหนี้นอกระบบ ก็สามารถนำกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีอยู่มาเป็นหลักประกันในการกู้ยืม หรือเรียกว่า “การกู้เงินตามกรมธรรม์” ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ และผู้กู้ยังคงได้รับความคุ้มครองจากประกันชีวิตเหมือนเดิม จึงนับเป็นแหล่งกู้ยืมเงินที่น่าสนใจ แต่หลายคนมักไม่ค่อยรู้สิทธิประโยชน์ของประกันชีวิตในส่วนนี้ ซึ่งรายละเอียดการกู้ยืมเงินตามกรมธรรม์เป็นอย่างไรนั้น K-Expert มีข้อมูลมาฝากค่ะ

กู้ได้เมื่อไร

กรมธรรม์ประกันชีวิตที่ผู้ทำประกันสามารถใช้กู้เงินจากบริษัทได้นั้น ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับ และผู้ทำประกันยังไม่ได้ใช้สิทธิเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หรือแปลงเป็นกรมธรรม์ขยายเวลา (การเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ คือ การหยุดชำระเบี้ยประกัน โดยวงเงินคุ้มครองลดลง แต่ระยะเวลาคุ้มครองเท่าเดิม สำหรับการแปลงเป็นกรมธรรม์ขยายเวลา คือ การหยุดชำระเบี้ยประกัน โดยวงเงินคุ้มครองเท่าเดิม แต่ระยะเวลาคุ้มครองลดลง) นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าเมื่อทำประกันชีวิตแล้ว จะสามารถขอกู้เงินตามกรมธรรม์ได้เลย เพราะเราต้องรอให้กรมธรรม์มีมูลค่าเงินสดเกิดขึ้นก่อน ซึ่งโดยทั่วไปมูลค่าเงินสดจะเกิดขึ้นเมื่อสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2 โดยรูปแบบประกันชีวิตที่มีมูลค่าเงินสด ได้แก่ แบบสะสมทรัพย์ แบบตลอดชีพ และแบบบำนาญ

กู้ได้เท่าไร

วงเงินกู้ตามกรมธรรม์ที่ได้รับนั้นขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยด้วยกันคือ 1. มีมูลค่าเวนคืนเท่าไร และ 2. บริษัทประกันกำหนดให้กู้ได้เท่าไรของมูลค่าเวนคืน โดยเราสามารถดูมูลค่าเวนคืนที่เกิดขึ้นได้ในสัญญากรมธรรม์ ซึ่งระบุว่า ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่เท่าไร จะมีมูลค่าเวนคืนเท่าไรต่อจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000 บาท สมมติว่า ทำประกันไปแล้วครบ 5 ปี (สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 5) ในตารางมูลค่าเวนคืนเท่ากับ 57 หมายความว่า เงินเอาประกันภัย 1,000 บาท กรมธรรม์นี้มีมูลค่าเวนคืน 57 บาท ดังนั้น ถ้าทำประกันโดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัย 1 ล้านบาท จะมีมูลค่าเวนคืนเท่ากับ 57,000 บาท ส่วนกู้ยืมได้เท่าไร ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขกรมธรรม์ โดยทั่วไปจะกู้ได้ไม่เกินมูลค่าเวนคืนที่มีอยู่ในขณะนั้น หักด้วยหนี้สินที่ค้างอยู่กับบริษัทประกัน

กู้แล้วจ่ายคืนอย่างไร

การกู้เงินตามกรมธรรม์ บริษัทประกันจะคิดดอกเบี้ยทบต้นในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันภัยอีกประมาณ 2% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันภัยของแต่ละกรมธรรม์จะแตกต่างกัน วิธีคำนวณง่ายๆ หากอัตราดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 5% ต่อปี ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะประมาณ 7% ต่อปี สมมติว่า กู้เงินตามกรมธรรม์ 50,000 บาท บริษัทประกันคิดอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี การคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้จะเป็นดังนี้

– ดอกเบี้ยเท่ากับ 50,000 x 7% / 365 = 9.59 บาทต่อวัน ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่จะเดินไปในแต่ละวัน
– หากกู้เงินมาแล้วเป็นเวลา 30 วัน และต้องการปิดหนี้ทั้งหมด ดอกเบี้ย 30 วัน เท่ากับ 9.59 x 30 = 287.67 บาท ดังนั้น ต้องชำระเงินทั้งหมด 50,000 + 287.67 = 50,287.67 บาท

– แต่ในกรณีจ่ายชำระบางส่วน เช่น ผ่านไป 30 วัน นำเงินมาชำระ 10,000 บาท บริษัทจะนำไปหักออกจากเงินต้นก่อน ทำให้เงินต้นคงเหลือ 40,000 บาท ทั้งนี้ ดอกเบี้ยหลังจากชำระเงินจำนวน 10,000 บาท จะเท่ากับ 40,000 x 7% / 365 = 7.67 บาทต่อวัน

– หากอีก 30 วันต่อมา ต้องการปิดภาระหนี้ทั้งหมด จะต้องชำระเงินจำนวน 40,000 + 287.67 + 230.10 = 40,517.77 บาท (40,000 คือ เงินต้นคงเหลือ 287.67 คือ ดอกเบี้ย 30 วันแรกคิดจากเงินต้น 50,000 บาท 230.10 คือ ดอกเบี้ย 30 วัน หลังคิดจากเงินต้น 40,000 บาท)

การกู้เงินตามกรมธรรม์จัดเป็นเงินกู้แบบลดต้นลดดอก เพราะเมื่อมีการจ่ายชำระเงิน (บางส่วน) บริษัทจะนำไปหักออกจากเงินต้นก่อนคำนวณดอกเบี้ยใหม่ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่ค้างอยู่จะกลับไปรวมเป็นเงินต้น (ทบต้น) เมื่อครบรอบปีกรมธรรม์ (ไม่ใช่ครบรอบการกู้ 1 ปี) ดังนั้น หากไม่ต้องการให้ดอกเบี้ยทบต้น แนะนำให้จ่ายคืนหนี้ให้หมดก่อนครบรอบปีกรมธรรม์ และสิ่งสำคัญต้องดูแลการชำระเงินให้ดี เพราะเมื่อใดที่เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างชำระมีมูลค่ามากกว่าเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ในขณะนั้น กรมธรรม์จะสิ้นผลบังคับซึ่งเท่ากับว่าความคุ้มครองจะหมดไป

ประกันชีวิตจัดเป็นแหล่งเงินกู้ยืมที่น่าสนใจ โดยผู้กู้สามารถนำเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายได้ยามเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยดอกเบี้ยกู้ยืมค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อบุคคลทั่วไป และผู้กู้ยังได้รับความคุ้มครองชีวิตเช่นเดิม ทั้งนี้ หากต้องการกู้เงินตามกรมธรรม์ แนะนำให้สอบถามบริษัทประกัน จะได้รู้จำนวนเงินที่สามารถกู้ได้ และอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมที่แน่นอนค่ะ ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ K-Expert

Picture Reference: www.owwabenefits.com

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นิชฌานี ฉันทศาสตร์, CFP® K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

กู้ไม่ผ่าน เข้าใจผิดคิดว่าเครดิตบูโร ตรวจสอบได้

ดังที่ผู้กู้ส่วนใหญ่ทราบดีว่าในการอนุมัติสินเชื่อต่างๆ นั้น ธนาคารจะ

อ่านต่อ9 พ.ย. 2558