ขึ้นชื่อแบรนด์ “เดอะ ไลน์” ต้อง 1 day sold out เหมือน 3 โครงการที่ผ่านมา จับตา เดอะ ไลน์ อโศก – รัชดา เปิดขายพรีเซลล์ลูกค้าในไทยครั้งแรก 25 – 26 มิ.ย นี้ หลังโกยยอดขายจากต่างแดนมาแล้ว 1,000 ล้านบาท ทะลุเป้าโควต้าลูกค้าต่างชาติภายใน 2 วัน
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ. แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยถึง การเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ แบรนด์ “เดอะ ไลน์” โครงการแรกของปีนี้ “เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา” ที่มีมูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งคอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยหลังจากวันที่ 11 – 12 มิ.ย ที่ผ่านมา ได้นำโครงการดังกล่าวออกไปโรดโชว์กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ในประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวันและจีน ซึ่งสามารถทำยอดขายได้กว่า 1,000 ล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าสูงที่สุดที่แสนสิริเคยทำได้จากการสร้างยอดขายตลาดต่างชาติในขณะนี้และเกินจากเป้าโควตาขายตลาดต่างชาติที่วางไว้ด้วย
“การนำโครงการออกไปโรด์โชว์ต่างประเทศ ถือว่ากระแสการตอบรับดีมาก ยอดขายหลัก ๆ มาจากประเทศฮ่องกงประมาณ 70% ไต้หวัน สิงคโปร์ ตามลำดับ ในมุมมองของต่างชาติ จะซื้ออสังหาในเมืองไทยเพื่อการลงทุน ซึ่งเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศอสังหาฯเมืองไทยราคาค่อนข้างถูก ที่สำคัญยังได้ผลตอบแทนสูงเฉลี่ยแล้ว ไม่ต่ำกว่า 6 – 7% ต่อปี”
เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา เป็นอาคารพักอาศัยสูง 38 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 473 ยูนิต และอาคารที่จอดรถสูง 9 ชั้นพร้อมชั้นใต้ดิน 1 ชั้น 1 อาคาร ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 27.60-50.25 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7 แสนบาทต่อตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ใกล้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในเดือนก.ย.นี้ และมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนโครงการภายในปี2562
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการคอนโดเมิเนียมใหม่อีก 7 โครงการ มูลค่า 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัททำร่วมกับทาง BTS 6 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัททำเองอีก 1 โครงการ ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่า 7-8 พันล้านบาท โดยเป็นโครงการร่วมทุนกับบีทีเอส 1 โครงการ คือ โครงการ เดอะไลน์ อโศก-รัชดา ทำให้การเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ทั้งปีนี้เป็นไปตามเป้าที่จะเปิดทั้งหมด 11 โครงการมูลค่าโครงการรวม30,000ล้านบาท
ขณะที่ยอดขายคอนโดมิเนียมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท แม้ว่ายอดขายในครึ่งปีแรกจะยังทำได้ไม่ถึง 50% ของเป้าหมายทั้งปี แต่ไนช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไนช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจุบันยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯที่ใกล้กับรถไฟฟ้า ซึ่งการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังจะตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพและตอบโจทย์การอยู่อาศัยและการเดินทางในเมือง โดยมีทำเลอย่างเช่น ทองหล่อ รามคำแหง ประดิพัทธ์ วงศ์สว่าง พหลโยธิน เป็นต้น ส่วนที่ดินแปลงสุขุมวิท 38นั้น คาดว่าจะเปิดในปีหน้า นอกจากนี้การทยอยเปิดประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เหลือขายของบริษัทในปัจจุบันมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด 90% อย่างเช่น สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หัวหิน ขอนแก่น อุดรธานี พัทยา และเขาใหญ่ เป็นคอนโดมิเนียมระดับราคาเฉลี่ย 2 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมที่เหลือขายในกรุงเทพฯนั้น มีมูลค่าไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ระดับราคาตั้งแต่ 3- 4 ล้านบาทขึ้นไป โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถระบายสต็อกออกหมดได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
“สต็อกในต่างจังหวัดที่เหลือขายเยอะ ทำให้ชะลอการเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัด เพราะที่ผ่านมาตลาดต่างจังหวัดยังไม่ค่อยดีนัก ซึ่งตอนนี้การเปิดคอนโดฯเน้นในโซนกรุงเทพฯเป็นหลัก และการขายก็เน้นขายให้กับลูกค้าต่างชาติมากขึ้น โดยยอดขายลูกค้าต่างชาติปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท จากปีก่อน 3,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันเราทำยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติได้แล้วกว่า2,000กว่าล้านบาท”
ขณะที่ รายได้ส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้บริษัทยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ 20,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/59 บริษัททำได้แล้ว 5,000 ล้านบาท และที่เหลืออีก 3 ไตรมาสของปีนี้บริษัทตั้งเป้าทำรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมอีกไตรมาสละ 5,000 ล้านบาท โดยจะมาจากการมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อีก 60-70% ในปีนี้ จาก Backlog ทั้งหมดกว่า 20,000 ล้านบาทในปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น Backlog ของโครงการที่บริษัททำเอง 10,000ล้านบาท และโครงการของบริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสอีก10,000ล้านบาท
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com