ผุด“พลัมคอนโด สเตชั่น ซีรี่ส์”เขย่าตลาดคอนโด 1-3 ลบ.

1 ก.ค. 2559

พฤกษา ไม่ขอเอี่ยวโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐที่ทางกรมธนารักษ์ เปิดทางเอกชนยื่นซองประมูล ระบุปัญหาสิทธิ์ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน – ขายต่อได้ยาก ย้ำจุดยืนรุกตลาดคอนโดฯไม่เกิน 3 ล้านบาท ลุยเปิด “พลัมคอนโด สเตชั่น ซีรี่ส์” 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ต่อโปรเสริมขยายมาตรการกระตุ้นอสังหาฯภาครัฐ “พฤกษา NON Stop” ดันยอดขายทั้งปี 5.1 หมื่นล้านบาท

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะไม่เข้าร่วมยื่นซองประมูลโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐที่ทางกรมธนารักษ์ได้เปิดให้ผู้สนใจยื่นซองประมูล (30 มิ.ย 59) ซึ่งเป็นโครงการของทางกรมธนารักษ์เป็นการจ้างรับเหมาก่อสร้างโครงการ โดยบริษัทไม่ได้เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง อีกทั้งโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐเป็นการเช่าระยะยาว ซึ่งอาจเกิดปัญหาในเรื่องสิทธิ์ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ขายต่อได้ยาก รวมถึงการขอสินเชื่อ ทำให้อาจจะมีผลกระทบเกี่ยวกับความรู้สึกในการตัดสินใจซื้อของประชาชนได้

ขณะที่โครงการบ้านประชารัฐในช่วง 3 เดือนกว่า (เมษายน-มิถุนายน) ที่ทางบริษัทนำโครงการเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐรวมมูลค่าทั้งหมด 4,000 ล้านบาท สามารถทำยอดขายได้เพียง 360 ล้านบาท หรือคิดเป็น10% ของมูลค่าโครงการที่เข้าร่วม ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่ในระดับที่สูงมาก และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บริษัทไม่เข้าร่วมยื่นซองประมูลโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐนั่นเอง

ด้านยอดขายในครึ่งปีแรกคาดว่าอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนแรกบริษัทมียอดขายแล้ว 17,822 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 51,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 17 โครงการ และมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังอีก 48 โครงการ ทำให้ทั้งปีนี้ สามารถเปิดได้ตามเป้าที่วางไว้ 65 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 54,000 ล้านบาท

ในส่วนยอดโอนช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดโอนแล้ว จำนวน 8,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวม 21,600 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดโอนอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/59 บริษัทมียอดโอนโครงการ 10,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นโยบายของบริษัทยังคงรุกตลาดบ้านระดับราคา 1-3 ล้านบาทในทุกประเภททั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีฐานลูกค้ามากที่สุดของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ซึ่งบริษัทเตรียมส่งคอนโดฯแบรนด์ “พลัมคอนโด” ทำตลาดในทุกทำเลที่มีศักยภาพและความต้องการ

ซึ่งมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 53,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 24,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ (มิถุยายน-ธันวาคม 59) อีก 12,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปี 60-61 ขณะเดียวกันบริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างขาย จำนวน 171 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 73,053 ล้านบาท

ส่วนงบซื้อที่ดินของบริษัทที่ตั้งใว้ทั้งปีนี้ 16,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้ใช้ไปแล้ว 7,000 – 8,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นซื้อที่ดินในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า เพื่อนำมาพัฒนาโครงการในอนาคต โดยการเปิดโครงการในปีนี้ทั้ง 65 โครงการบริษัทมีที่ดินพร้อมพัฒนาทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจแวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันพฤกษาเป็นผู้นำตลาดทาวน์เฮาส์โดยมีส่วนแบ่งตลาด 30% จากมูลค่าตลาดรวม 60,000 – 70,000 ล้านบาท ขณะที่บ้านเดี่ยวมีส่วนแบ่งตลาด 8% จากมูลค่าตลาดรวม 80,000 ล้านบาท

ส่วนคอนโดมิเนียมมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5% จากมูลค่าตลาดรวม 1.8 แสนล้านบาท โดยคอนโดฯราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมีส่วนแบ่งตลาดถึง 70,000 ล้านบาท ซึ่งมากเท่ากับตลาดทาวน์เฮาส์ทั้งตลาด ดังนั้นบริษัทจึงต้องการขยายตลาดคอนโดฯเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะคอนโดฯราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ตั้งเป้ามียอดขายคอนโดฯราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทจำนวนกว่า 15,000 ล้านบาทภายใน 2 ปี โดยจะใช้ แบรนด์ “พลัมคอนโด” ในการรุกตลาดเป็นหลัก

ล่าสุดเปิดตัวพลัมคอนโด 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ได้แก่ พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น เป็นอาคารสูง 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวนว 1,003 ยูนิต จะเปิดขายในช่วงวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้ และโครงการ พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั้น เป็นอาคารสูง 22 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 968 ยูนิต จะเปิดขายในช่วงวันที่ 6-7สิงหาคมนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายขายหมดทั้ง 2 โครงการหมดภายใน 3 เดือน

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล เรื่องการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสิ้นสุดลงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางบริษัทเอง พิจารณาแล้วว่าจะยังคงขยายระยะเวลาของแคมเปญ พฤกษา Non Stop ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ โดยตั้งเป้ามียอดขายจากแคมเปญดังกล่าวประมาณ 8,200 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้จัดแคมเปญดังกล่าวซึ่งสามารถสร้างยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้จำนวน 8,180 ล้านบาท

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ภาษีที่ดินใหม่ส่อกระทบประมูลซื้อทรัพย์กรมบังคับคดี

กรมบังคับคดี หวั่นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ ส่งผลกระทบต่อผู

อ่านต่อ30 มิ.ย. 2559