หนี้ครัวเรือนไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวในอัตราชะลอลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 13 ไตรมาส ชี้แนวโน้มครึ่งปีหลัง มีโอกาสขยับขึ้นเล็กน้อยตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการรายงานตัวเลขหนี้ครัวเรือน ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2559 มียอดหนี้คงค้างรวม11.07 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดหนี้คงค้างรวมที่ 10.58 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 4.96 แสนล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 4.69% แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือ ณ สิ้นปี 2558 ซึ่งมียอดหนี้คงค้างอยู่ที่ 11.03 ล้านล้านบาท เท่ากับว่าไตรมาสแรกปี 2559 ครัวเรือนมีหนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเพียง 0.35% อัตราการเพิ่มถือว่าชะลอตัวลง
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยล่าสุด ณ ไตรมาส 1 ปีนี้ชะลอลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส หรือกว่า 3 ปี มาอยู่ที่ระดับ 81.1% ต่อจีดีพี จากระดับ 81.6% ต่อจีดีพี ณ สิ้นปี 2558 โดยการปรับลดประมาณการหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีปี 2559 มาที่ระดับ 81.5-82.5% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 83 -84% หลังเห็นสัญญาณการเติบโตของหนี้ครัวเรือนที่ชะลอลงในหลายกลุ่มสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนในช่วงครึ่งหลังของปีคงทยอยปรับเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภค โดยมีธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นเสาหลักในการปล่อยสินเชื่อภาคครัวเรือน
สำหรับทิศทางหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในช่วงครึ่งหลังของปี2559 นั้น มีโอกาสขยับขึ้นเล็กน้อยตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน นอกจากนี้ ภาระค่าใช้จ่ายในการคืนหนี้ของครัวเรือนอาจจะยังไม่ได้รับแรงกดดันมากนัก ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่น่าจะทรงตัวในระดับต่ำตลอดช่วงระยะเวลาที่เหลือของปี
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งเดือนนี้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อของครัวเรือนภาคเกษตรที่เริ่มดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มสูงขึ้น และปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลายลง
ด้านรายได้ภาคเกษตรในเดือนพ.ค. ขยายตัว 6.7% ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง หลังจากที่รายได้ของคนกลุ่มนี้หดตัวต่อเนื่องติดกันมากว่า 3 ปี นับจากปี 2555 โดยตัวเลขที่ดีขึ้นในเดือนพ.ค.2559 เป็นผลจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น 6.4% จากอุปสงค์ผลไม้ไทยในตลาดจีนและอาเซียนที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียนและมะม่วง ขณะเดียวกัน ยังเป็นผลจากอุปทานปาล์มน้ำมันและยางพาราที่ลดลง จากผลกระทบของภัยแล้งในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก รายได้ภาคเกษตรน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ระยะข้างหน้ายังมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง จากผลผลิตที่มีแนวโน้มว่าจะมีมากขึ้นหลักๆก็น่าจะมาจากข้าวหลังปัญหาภัยแล้งเริ่มหมดไป
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com