เดินหน้าพัฒนาบ้านหรูไฮเอนด์ บมจ.ชาญอิสสระ ลุยเปิดครึ่งปีหลัง 3 โครงการ มูลค่า 4,700 ล้านบาท เผยแพลนปี 60 ผุดคอมเมอร์เชียลติดหาดชะอำ บนพื้นที่ 20 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการลงทุน
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาในการพัฒนาคอมเมอร์เชียล ซึ่งทางบริษัทเพิ่งซื้อที่ดินมาเพิ่มบนถนนเพชรเกษม ติดชายหาดชะอำ เนื้อที่ 20 ไร่ เป็นที่ดินบริเวณที่ติดกับโครงการทิวทะเล ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการลงทุนที่บริษัทได้ศึกษามี 3 แนวทาง ได้แก่ 1.บริษัทเป็นผู้ลงทุนในโครงการดังกล่าวเอง 2.การให้ บริษัท อิสสระยูไนเต็ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมทุนระหว่างชาญอิสระ กับบมจ.สหพัฒนพิบูล (SPC) และ บมจ.ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC) เป็นผู้ดำเนินการ หรือ 3.การร่วมลงทุนกับพันธมิตรรายใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านคอมเมอร์เชียลโดยเฉพาะ โดยคาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ภายในปี 2560
“ที่ดินที่เพิ่งซื้อมาจำนวน 20 ไร่นั้น จะอยู่ใกล้ๆกับโครงการทิวทะเล จากเดิมที่ดินบนพื้นที่ดังกล่าวมีทั้งหมด 90 ไร่และรวมกับของใหม่ที่ซื้อเพิ่มนั้น ทำให้ปัจจุบันเรามีที่ดินรวมทั้งหมด 110 ไร่ อย่างไรก็ตาม ส่วนของที่ดินที่ซื้อเพิ่มอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนโครงการศูนย์การค้าในชะอำอย่างรอบคอบ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาย่านชะอำก็มีพวก community mall เปิดเยอะมาก ทำให้ปัจจุบันมีปัญหา supply ที่มากเกินไปเกิดขึ้น”
สำหรับช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 มูลค่าโครงการ 1.8 พันล้านบาท บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ซอย 13 พื้นที่โครงการทั้งหมด 9 ไร่ จำนวน 20 ยูนิต มีทั้งหมด 3 แบบ คือ แบบ A ,Bและ C ขนาดที่ดิน 112 – 208 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 700 – 764 ตารางเมตร ห้องนอน 4 – 5 ห้องนอน ราคาขาย 80-120 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่ 2 คือ โครงการบ้านอิสสระ บางนา บ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) โดยโครงการตั้งอยู่บนบางนา กม.8 ตรงข้ามเมกา บางนา บนเนื้อที่โครงการทั้งหมด 24 ไร่ จำนวนยูนิต 43 ยูนิต ขนาดที่ดินเริ่ม 99 – 228 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 425 – 633 ตารางเมตร 3 – 6 ห้องนอน ราคาขายเริ่มต้น 46 ล้านบาท
และโครงการที่ 3 เป็นโครงการบ้านทิวทะเล ชะอำ เฟส 4 มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุน คือ บริษัท อิสสระยูไนเต็ด จำกัด ซึ่งโครงการบ้านทิว ชะอำ เฟส 4 มีจำนวน 11 ยูนิต ราคาขายยูนิตละ 30-50 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมีผู้สนใจซื้อยูนิตในโครงการดังกล่าวไปแล้ว 1 ยูนิต อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 โครงการนี้ จะเปิดพรีเซลล์เป็นครั้งแรกในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจภายในงานด้วย
ด้านของผลประกอบการนั้น ทางบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,000 – 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/59 ที่จะเข้ามาค่อนข้างมาก ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 2,000 – 3,000ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้และปีถัดไป ซึ่งจะมีการรับรู้เข้ามามากในไตรมาส 4/59 ส่งผลให้แนวโน้มรายได้ในครึ่งปีหลังของบริษัทคาดว่าจะมากกว่าครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 2,000 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าหมายในครึ่งปีแรกที่ตั้งไว้ มองว่าแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังอาจจะชะลอตัวลงบ้าง หลังการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นจากภาครัรฐ ซึ่งจะต้องพึ่งการลงทุนที่จะผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น แต่ในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่เพราะผู้ที่สนใจซื้อมีกำลังซื้อมากพอสมควรอยู่แล้ว
สำหรับภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ในเมืองในช่วงที่ผ่านมา อัตราการดูดซับยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเลย่านพระราม 9 ซึ่งปัจจุบันไม่มีซัพพลายระดับราคานี้เหลือขาย ประกอบกับตัวโปรดักส์ในตลาดยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพื้นที่ใช้สอย ขนาดที่ดินที่มากพอสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ รวมถึงรูปแบบฟังก์ชั่นการดีไซน์และวัสดุพรีเมี่ยมทำเลที่เหมาะสมในย่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ