คงกล่าวได้ว่าช่วงวัยเด็กโดยเฉพาะวัยเด็กตอนต้น (early childhood) ตั้งแต่อายุ 2-6 ปี เป็นช่วงที่มีความสำคัญมาก เพราะเด็กเริ่มมีการสร้างเสริมพัฒนาการต่างๆ ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ใช่ว่าพัฒนาการทั้งหมดจะพัฒนาได้ทัดเทียบผู้ใหญ่ ในบางครั้งเด็กเล็กยังไม่สามารถแยกออกได้ระหว่างความจริงกับเรื่องสมมติ ที่เต็มไปด้วยจินตนาการถึงเจ้าหญิง เจ้าชาย นางฟ้า เรื่องเล่าจากในละคร รวมถึงจินตนาการจากความกลัว
บ่อยครั้งความกลัวในเด็กเล็กที่คุณพ่อคุณแม่พบเห็นทั่วไปก็ เช่น ทารกร้องได้กลัวเมื่อได้ยินเสียงดัง หรือเกิดอาการกลัวเมื่อมองเห็นคนแปลกหน้าจ้องมอง แต่นอกจากนี้ยังมีหลายความกลัวที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวเล็กในวัย 2-4 ขวบที่พ่อแม่หลายคนอาจไม่รู้
• กลัวเมื่อได้ยินเสียงชักโครก
• กลัวเมื่อเห็นแมลงตัวเล็ก ๆ บินอยู่ในห้องน้ำ
• กลัวความมืด
• กลัวตู้เสื้อผ้า
• กลัวที่จะต้องนอนคนเดียว
• กลัวเสียงฟ้าร้อง
• กลัวเงา
• กลัวเสียงดัง เช่น เสียงจากเครื่องดูดฝุ่น, รถเก็บขยะ, พลุ, แตรรถ, เสียงหมาเห่า ฯลฯ
• กลัวเสียงดังที่เกิดแบบฉับพลัน
• กลัวที่จะต้องแยกห่างจากพ่อแม่
• กลัวการลื่นสไลด์เดอร์ บ้านลม และบันไดเชือก
• กลัวคนที่ใส่ชุดแมสคอตหรือคนใส่หน้ากาก
• กลัวแมลง สุนัข นก และสัตว์อื่นๆ
• กลัวคนแปลกหน้า
• กลัวรายการทีวีบางเรื่อง แม้แต่รายการทีวีสำหรับเด็กที่มีฉากหลังการ์ตูนที่น่ากลัว
• กลัวที่จะหลงทาง
• กลัวบันไดเลื่อน
• กลัวน้ำ อย่างกลัวการอาบน้ำ หรือการลงสระว่ายน้ำ
• กลัวว่าจะเจ็บตอนอุจจาระ
สาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดความกลัวอาจเกิดจากการที่เด็กยังไม่สามารถแยกแยะระหว่างความจริงกับเรื่องสมมติได้ ความเชื่อที่ผู้ใหญ่ชอบขู่หรือหลอก จากการไม่พูดความจริงนั้นทำให้เด็กกลัว ซึ่งจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี และอาจทำให้ความกลัวติดตัวไปจนโต หรือจากการที่เคยมีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านั้นมาก่อน จึงทำให้เกิดความกลัวฝังใจ วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ ความกลัวบางเรื่องคุณพ่อคุณแม่อาจจะให้เหตุผลในการพูดให้เด็กเข้าใจว่ามันไม่ได้เป็นจริงอย่างที่ลูกคิด และหาวิธีอื่น ๆ ที่ทำให้ลูกสนุกเพื่อลืมเรื่องนั้น ๆ ไป
Source : www.anxioustoddlers.com
สนใจโครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดดูได้ที่นี่
ขอบคุณบทความจากเว็บไซต์ theAsianparent.com เว็บไซต์ให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงลูกอันดับ 1 ในประเทศไทย