ธุรกิจรับสร้างบ้านรีเฟรชแบรนด์รับตลาดยุคดิจิตอล

5 ม.ค. 2560

 

กลุ่มซีคอน โฮม เปิดเกมส์รุกตลาดรับสร้างบ้าน ปูพรมตลาดออนไลน์หวังขยายฐานสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน ตั้งเป้าปี 60 โต 10% มียอดขาย 1,300 ล้านบาท

นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี2560 ว่า บริษัทได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มซีคอนโฮมไว้ 3 ด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรีเฟรชแบรนด์รับตลาดยุคดิจิตอล นอกจากนี้ยังดึงกลยุทธ์Lifestyle brand มาผสมผสานเพื่อปรับธุรกิจรับสร้างบ้าน ให้สอดคล้องกับความต้องของตลาด ซึ่งรวมไปถึงการปรับรูปแบบProduct และservice เพื่อรัยมือพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิตอล

อย่างไรก็ดีปีนี้กลุ่มซีคอน โฮม ยังคงเน้นพัฒนาแบบบ้านเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มที่หลากหลายและจะเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงาน เริ่มมีเงินเก็บเพื่อสร้างบ้านเป็นของตนเอง ถ้าพิจารณาตามฐานข้อมูลเก่าของลูกค้าที่มีอยู่พบว่า คนกลุ่มนี้จะต้องการบ้านขนาดเล็ก – กลางเพิ่มขึ้น โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 150 – 250 ตรม. ควบคู่กับ Lifestyle ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกได้ตาม life style และตามงบประมาณที่ตั้งไว้

ดังนั้นการพัฒนาแบบบ้านใหม่จึงมีการแบ่งออกเป็น 5กลุ่มได้แก่ บ้านเติมสุข ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 286 ตรม. ขึ้นไปราคาเริ่มต้น 5.1-7.5 ล้านบาท,บ้านสานรัก ขนาดพื้นที่199 ตรม.ขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 2.9-4.1 ล้านบาท,บ้านตามฝัน พื้นที่เริ่มต้น 87 ตรม.ขึ้นไป ราคา 1.39-2.7 ล้านบาท ,บ้านแทนคุณ ราคาเริ่มต้น 4.1-4.5ล้านบาท ในกลุ่มนี้มีแบบบ้านกตัญญู ราคา 2.5-2.6 ล้านบาท และบ้านพอดี ราคาเริ่มต้น 1.3-1.6 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่วางระดับกลุ่มราคาไว้คือ ซีคอนโฮม ระดับราคาบ้านตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป คอมแพค โฮม ระดับราคาอยู่ที่ 2 ล้านบาทขึ้นไปและบัดเจค โฮม ระดับราคาอยู่ที่ 1ล้านบาทขึ้นไป

“ปีนี้บริษัทได้วางงบการตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท ซึ่งจะเดินหน้าสร้างความเข้าใจและการรับรู้ในแบรนด์สู่คนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงาน มากขึ้นโดยผ่านช่องทางออนไลน์ โดยในปี2560 บริษัทได้วางงบการโปรโมทแบรนด์และบริการ ผ่านแคมเปญ Seacon Home First Class Experience ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสร้างยอดขายผ่านทางออนไลน์ได้เพิ่มขึ้น 50% จากปี2559″

>> อ่านรีวิวโครงการใหม่<<

สำหรับภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านในไทยในปี 2560 นั้นคาดว่าน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 10% มีมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท เนื่องจากมองว่า เศรษฐกิจโดยเริ่มฟื้นตัว มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ราคาพืชผลเกษตรดีขึ้นทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อยทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น นอกจากนี้การก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ทยอยแล้วเสร็จหลายเส้นทาง เพิ่มความสะดวกสบายของการเดินทาง ทำให้คนที่มีที่ดินอยู่ชานเมืองสนใจสร้างบ้านอยู่อาศัยหรือสร้างอาคารเพื่อการพาณิชย์มากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มผู้ที่ต้องการสร้างบ้านใหม่ทดแทนบ้านเดิมก็เริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบ้านระดับ 2-5 ล้านบาทซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ สัดส่วนถึง 50%ของตลาดรวม

อย่างไรก็ดีสำหรับราคาบ้านขณะนี้ยังเป็นราคาเดิมตั้งแต่กลางปีที่แล้ว สำหรับปีนี้จะมีการปรับราคาหรือไม่ต้องขอดูต้นทุนไม่ว่าจะเป็น วัสดุก่อสร้าง ,น้ำมัน ในช่วงไตรมาส2ของปี2560ก่อนมาว่ามีการปรับมากน้อยเพียงใดเนื่องจากขณะนี้ราคาเหล็กมีการปรับราคาขึ้นบางตัวแล้ว ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันหากมีการปรับขึ้นก็จะส่งผลต่อต้นทุนที่เกิดขึ้นจากด้านการขนส่งเพราะต้องขนโครงสร้างบ้านที่ผลิตสำเร็จรูปจากโรงงานมาติดตั้งยังสถานที่ก่อสร้าง ทั้งนี้ คาดว่าบ้านราคาปรับไม่เกิน 5%
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่ หรืออ่านรีวิวโครงการบ้านและคอนโดฯใหม่

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย  กองบรรณาธิการ DDproperty.com 

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ