อัพเดท 3 เทรนด์หลัก...บ้าน-คอนโดฯ ปี 2560

9 ม.ค. 2560

“เทรนด์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปี 2560 ที่คาดว่าจะได้เห็นมากขึ้นในปีนี้ นั่นคือการสร้างบ้าน-คอนโดฯ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่มากขึ้ นและยังคงเกาะติดชีวิตในเมืองที่ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน และสถานที่แฮงค์เอาท์ อยู่ในพื้นที่ไม่ไกลจากกัน”
หากพูดถึงเทรนด์ที่อยู่อาศัยของโลกในปีนี้ ก็ยังถือว่าเกาะอยู่ที่ 3 เทรนด์หลักๆ อย่างเหนียวแน่นไม่ต่างจากในปีที่ผ่านมา คือ
1.บ้านที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
2.บ้านประหยัดพลังงาน
3.บ้านที่ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย (Universal design) โดยเน้นกลุ่มผู้สูงอายุเป็นหลัก

ในขณะเดียวกันเทรนด์ที่อยู่อาศัยในเมืองไทยแม้จะอิงจาก 3 เทรนด์หลักของโลก แต่ก็ยังมีรายละเอียดเฉพาะที่เรียกได้ว่าเป็น “เทรนด์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ” และที่คาดว่าจะได้เห็นมากขึ้นในปีนี้ นั่นคือการสร้างบ้าน-คอนโดฯ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่มากขึ้น เช่น คนทำงานที่มีรายได้มากขึ้นและต้องการแยกจากครอบครัวใหญ่, นักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีกำลังซื้อสูงขึ้นและเริ่มซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

ทีนี้มาเจาะลึกกันว่าเทรนด์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ นั้นมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง

หน้าปก L'Optimum ประจำเดือนมกราคม 2560

หน้าปก L’Optimum ประจำเดือนมกราคม 2560

เทรนด์การอยู่อาศัย
แน่นอนว่า ในช่วงหลายปีมานี้ เทรนด์การอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมมาแรงมาก เพราะคนรุ่นใหม่ต้องการอยู่อาศัยในเมืองมากขึ้น อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า ใกล้ที่ทำงาน ใกล้แหล่งกิน-ดื่ม-เที่ยว เรียกว่าครบทุกวิถีของการใช้ชีวิต

ในขณะที่โครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง แต่ลูกค้ากลุ่มนี้จะเลือกบ้านแนวราบขนาดเล็กที่อยู่ในเมืองหรือว่าใกล้เมือง มีจำนวนยูนิตไม่มาก และโครงการไม่จำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกตรง ส่วนกลางมากเหมือนโครงการบ้านหรูย่านชานเมืองที่ต้องมีคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่ เพราะคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกฟิตเนสในเมืองอยู่แล้ว

เทรนด์ด้านดีไซน์
Co-Living: ในปีนี้จะเริ่มเห็นการออกแบบพื้นที่ในโครงการคอนโดมิเนียมในคอนเซ็ปต์ Co-Living มากขึ้น ซึ่งรูปแบบดังกล่าวคือการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้หลากหลายขึ้น เช่น ห้องครัวที่ใช้ร่วมกัน ห้องดูหนัง สวนดาดฟ้า ฯลฯ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้จะเปิดกว้างให้สามารถใช้จัดปาร์ตี้ส่วนตัวได้หากต้องการ

ห้องไซส์ Mini แต่ครบทุกฟังก์ชั่น: แม้เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เทรนด์ใหม่ แต่ในปีนี้จะเห็นเทรนด์ดังกล่าวมากขึ้น จากความนิยมกั้นห้องเป็นสัดส่วน แม้ว่าห้องชุดปัจจุบันจะมีพื้นที่ใช้สอยเล็กลงมาก แต่นักออกแบบก็พยายามดีไซน์ห้องแยกสัดส่วนการใช้ประโยชน์ จึงจะเห็นได้ว่า ห้องชุดพื้นที่เท่าห้องสตูดิโอในอดีต (25 ตร.ม.) ยังสามารถออกแบบให้เป็น 1 ห้องนอนได้ หรือแม้แต่ห้องชุด 1 ห้องนอนในอดีต (45 ตร.ม.) ปัจจุบันก็ออกแบบให้เป็น 2 ห้องนอนได้

Outdoor แบบปิด: ฟังดูแล้วอาจจะแปลกหู เพราะพื้นที่ Outdoor ก็น่าจะเป็นพื้นที่โล่งๆ กลางแจ้ง แต่เพราะอากาศเมืองไทยร้อนมาก พื้นที่ Outdoor ทั้งในบ้านและคอนโดฯ เลยถูกใช้น้อย จึงมีแนวโน้มว่าจะมีการออกแบบพื้นที่ Outdoor ที่ยื่นออกมาจากนอกชาน แล้วมีผนังปิดด้วยกระจกใส คล้ายกับ Glass House มากขึ้น ให้คนอยู่อาศัยด้านในสามารถมองเห็นสวนและ วิวด้านนอกได้สบายๆ

บ้านแนวราบสไตล์เพนท์เฮ้าส์: เทรนด์นี้จะมาแรงมากขึ้น เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยในรูปแบบบ้านแนวราบในเมืองสูงขึ้นมาก ทำให้สไตล์การออกแบบบ้านในเมืองอิงกับแนวของ “ห้องเพนท์เฮ้าส์” ในคอนโดมิเนียม แล้วบ้านแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮ้าส์ในเมืองจะมีหน้ากากด้านหน้าตัวบ้านที่คล้ายกับคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ด้วย

เทรนด์ด้านทำเล
เทรนด์นี้ชัดเจนมากขึ้น คน Generation ใหม่ต้องการอยู่อาศัยในเมือง ถ้ามีกำลังซื้อสูงหน่อยก็จะเลือกบ้านหรูในเมือง หรือเพนท์เฮ้าส์ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง แต่ถ้ากำลังซื้อระดับกลาง ก็จะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่เข้าเมืองสะดวก

2017-01-09_11-51-17-1

บทความข้างต้นตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร L’OPTIMUM ฉบับเดือน มกราคม 2560 

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ