[สกู๊ปพิเศษ] เป็นเพราะปัจจุบันเทรนด์การซื้อที่อยู่อาศัยเริ่มเปลี่ยน เดิมคนมีเงินนิยมซื้อบ้านนอกเมืองที่หลังใหญ่มีพื้นที่กว้างขวาง ปัจจุบันหันมาซื้อคอนโดฯในเมืองเป็นห้องขนาดใหญ่แทน เพราะเดินทางสะดวกใช้รถไฟฟ้าได้ แถมยังใกล้ที่ทำงานด้วย
ขณะที่ภาพรวมตลาดคอนโดฯในปีที่แล้วไม่ค่อยสู้ดีนัก ตลาดกลาง-ล่างถูกผลกระทบจากเศรษฐกิจ สวนทางกับตลาดบนระดับลักซ์ชัวรี่ถึงซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่กลับไปได้สวย แม้ราคาจะแพงมากขึ้นก็ตาม แต่คนซื้อระดับบนถือว่ายังมีกำลังซื้อดีอย่างต่อเนื่อง ขอแค่ทำเลดี ใช้วัสดุดี การออกแบบดี เพียงแค่นี้ก็ขายได้แล้ว
หลายครั้ง มีคนตั้งคำถาม ปีนี้ ปีหน้า จะเกิดฟองสบู่แตกไหมในอสังหาฯ เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างน้อย ๆ 3- 5% ต่อปี โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาฯ
ตามหลักแล้ว สภาวะฟองสบู่จะเกิดจากราคาของอสังหาริมทรัพย์บ้าน คอนโด ที่ดิน ทาวเฮ้าส์ ทรัพย์สินต่างๆ มีการปรับเพิ่มขึ้นเกินกว่าราคาตามความเป็นจริง จนเกิดความต้องการซื้อไม่แท้จริง เพราะซื้อมาเพื่อเก็งกำไร ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆขยายตัวเหมือนฟองสบู่ เมื่อราคาเริ่มลดลงภาวะฟองสบู่ก็จะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียตามมา
แล้วสัญญาณอะไรบ้างบ่งบอกล่ะ จะทำให้เกิดสภาวะฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์
1. ราคาสินทรัพย์ได้ปรับสูงขึ้นเกินกว่าราคาที่ควร
2. การซื้อขายว่าเกิดขึ้นจริง ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ไม่ได้ซื้อไว้เก็งกำไร
3. ราคาสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับความถี่ของการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากด้วย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่ากำลังเกิดสภาวะฟองสบู่
4. การซื้อขายใบจองหลายรอบก่อนที่โครงการจะสร้าง
5. คนที่เข้ามาซื้อขายมีรายย่อยหน้าใหม่ๆ จำนวนมากเข้ามาซื้อขายเพิ่มขึ้นแล้ว ให้เชื่อได้ว่าสภาวะฟองสบู่กำลังจะเกิดขึ้น
6. สภาวะฟองสบู่อยู่ระหว่างก่อหวอด คนส่วนมากมักจะไม่รับฟังคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์แข่งกันออกโครงการต่างๆ และมีแต่ข่าวว่าปิดการขายได้รวดเร็ว สถาบันการเงินตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ ฝ่ายวิเคราะห์จาก “อีไอซี” ออกมาแสดงความคิดเห็นและมองว่าภาวะฟองสบู่อสังหาฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการจะคำนึงถึงความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้ซื้อเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงล่าง หรือ มนุษย์เงินเดือน ซึ่งปัจจุบันมีรายรับกับรายจ่ายไม่ค่อยสอดคล้องกัน ประกอบกับภาระหนี้สินที่มีอยู่ค่อนข้างสูง ทำให้ความสามารถในการขอสินเชื่อและซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มนี้มีค่อนข้างจำกัด สะท้อนให้เห็นจากสัดส่วนของที่อยู่อาศัยเหลือขายที่มีระดับราคา 1-3 ล้านบาทต่อหน่วยเพิ่มขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าปัจจุบันจะยังไม่มีสัญญาณของภาวะฟองสบู่แตกในอสังหาฯ แม้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯต่าง ๆ จากภาครัฐอาจจะไม่ใช่ทางออกทางเดียวก็ตาม แต่การเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดดำเนินไปตามกลไกมากขึ้น จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐที่ผ่านมา และส่งผลให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์นั้นอยู่ในระดับที่สูง สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ซื้อยังมีกำลังซื้อ เพียงแต่ยังขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น การเรียกความเชื่อมั่นของผู้ซื้อให้มากขึ้นอาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ตลาดดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่ หรืออ่านรีวิวโครงการบ้านและคอนโดฯใหม่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com