ครึ่งปีหลัง 2560 เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการส่งออกและการท่องเที่ยว รวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐ โดยมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนจนถึงไตรมาส 4 จากตลาดหุ้นและภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มดีมากขึ้น ซึ่งถือว่าภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับรายงานของหลาย ๆ สำนัก ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงรายงานล่าสุดของสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum: WEF ที่จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจโลก (Global Competitiveness Index: GCI) ของ 137 ประเทศทั่วโลก โดยไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 32
รายงานชี้ไทยอันดับแข่งขันขึ้นไปอยู่ที่ 32 ของโลก
จากรายงานพบว่า ประเทศที่ได้อันดับที่ 1 คือ สวิตเซอร์แลนด์ ตามมาด้วย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ฮ่องกง สวีเดน สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และฟินแลนด์ ตามลำดับ สำหรับไทยอยู่ในอันดับที่ 32 ด้วยคะแนน 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 7 คะแนน ซึ่งดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่อยู่ในอันดับที่ 34 มีคะแนน 4.6 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน (ยกเว้นเมียนมา) ไทยอยู่อันดับที่ 3
โดยมีด้านที่มีอันดับที่ดีขึ้นและส่งผลบวกต่อดัชนีความสามารถทางการแข่งขันโดยรวม อาทิ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านความพร้อมทางเทคโนโลยี ด้านการศึกษาขั้นสูงและการฝึกอบรม ด้านขนาดของตลาด ด้านการพัฒนาตลาดการเงิน ด้านการพัฒนาธุรกิจ และด้านประสิทธิภาพของตลาดสินค้า ซึ่งมีการขยับขึ้นแบบก้าวกระโดดในทุกด้าน
ตัวเลขที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งคือ ด้านการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งมีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยไทยติดอันดับที่ 9 ได้คะแนน 6.2 รองจากนอร์เวย์ เกาหลีใต้ สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน ไต้หวัน ฮ่องกง ลักเซมเบิร์ก สาธารณรัฐเช็ก และเหนือกว่าหลาย ๆ ประเทศ อาทิ เดนมาร์ก ปานามา เยอรมนี บอตสวานา เนเธอร์แลนด์ เอสโตเนีย นิวซีแลนด์ จีน สิงคโปร์ ไอซ์แลนด์ และการ์ตา แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งทางด้านดุลงบประมาณการคลัง ระดับเงินออมมวลรวมภายในประเทศ อัตราเงินเฟ้อ ระดับหนี้สาธารณะ และระดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
เศรษฐกิจโตแต่ทำไมคนไทยไม่รู้สึก
เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อนักธุรกิจและผู้ประกอบการ และกลุ่มคนในภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องบางส่วนเท่านั้น ยังไม่ได้กระจายสู่ประชาชน เกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับส่วนหนึ่งยังมีภาระหนี้สินของครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้ ส่งผลต่อเนื่องถึงกำลังซื้อและบรรยากาศของการใช้จ่ายภาคเอกชนที่มีกรอบการฟื้นตัวที่ค่อนข้างจำกัด นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับต่ำเป็นเวลานานส่งผลให้ประชาชนเริ่มรู้สึกไม่อยากใช้เงิน ทำให้การอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนชะลอตัว ประชาชนในภาคการเกษตรยังคงประสบปัญหาภัยธรรมชาติ และราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก ทำให้กำลังซื้อของครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัวมากนัก โดยเฉพาะผู้มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อย
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะระดับฐานรากของประเทศ ที่มีรายได้น้อย โดยมาตรการล่าสุดคือโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยประชาชนสามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
จากตัวเลขทางเศรษฐกิจดังกล่าว แม้ปัจจุบันจะยังไม่สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศได้ทั้งหมด แต่น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติในการจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ส่วนเรื่องความเป็นอยู่ ค่าครองชีพ และหนี้สินครัวเรือน ยังคงเป็นปัจจัยท้าทายที่รัฐบาลจะต้องลงมาแก้ไขอย่างต่อเนื่องและรอบด้านมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากนโยบายปัจจุบัน รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้วหรือไม่ คงเป็นคำถามที่ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน