แม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาจะอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่ตลาดคอนโดมิเนียมเป็นตลาดที่เห็นการเปลี่ยนแปลงและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งจากผลสำรวจของฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พบว่า มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ประมาณ 18,806 ยูนิต ถือว่ามากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
เน้นเปิดคอนโดฯ ราคา 6 หมื่น-1.2 แสน/ตร.ม. มากที่สุด
ผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ยังคงเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนตลาดต่อเนื่องโดยคิดเป็น 73% ของคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่เปิดขายในไตรมาส 3 อีกทั้งโครงการที่เปิดขายก็ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดีในหลายโครงการหลายทำเล บางโครงการปิดการขายหรือว่ามีอัตราการขายมากกว่า 80% ในวันที่เปิดขายแบบเป็นทางการวันแรก
โดยอัตราการขายเฉลี่ยของโครงการที่เปิดขายใหม่ในไตรมาส 3 อยู่ที่ประมาณ 60% ซึ่งถือว่าสูงกว่าไตรมาสอื่น ๆ ที่ผ่านมา ระดับราคาที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจมากที่สุดคือคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายอยู่ในช่วง 60,000-120,000 บาท/ตารางเมตร มีสัดส่วนถึง 64% เนื่องจากผู้ประกอบการเน้นเปิดขายโครงการในทำเลที่ราคาที่ดินไม่สูงเกินไป เช่น ทำเลรถไฟฟ้าสายที่กำลังก่อสร้าง เช่น สายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และสายสีส้ม เป็นต้น
คอนโดฯ เหลือขาย เกือบ 4 หมื่นยูนิต ผู้ประกอบการเร่งปรับตัว
หากพิจารณาคอนโดมิเนียมที่โอนกรรมสิทธิ์ในแต่ละปีจะพบว่า ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ในกรุงเทพฯ มีคอนโดมิเนียมโอนกรรมสิทธิ์ปีละประมาณ 53,100 ยูนิต ซึ่งมากกว่าจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ต่อปี แต่คอนโดมิเนียมที่โอนกรรมสิทธิ์ส่วนหนึ่งเป็นการซื้อจากผู้ซื้อทั่วไปไม่ใช่จากผู้ประกอบการโดยตรงทำให้ในปัจจุบันยังคงมีคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่ในตลาดอีกประมาณ 36,950 ยูนิต ซึ่งเป็นภาระที่ผู้ประกอบการต้องหาทางระบายออก ในขณะเดียวกันก็ต้องเปิดขายโครงการใหม่ต่อเนื่องเพื่อรักษาการขยายตัวของบริษัทให้เป็นไปแบบต่อเนื่อง ดังนั้น ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายจึงมีการออกแบบโครงการ หรือพัฒนาโครงการที่เปิดขายใหม่ให้มีความน่าสนใจ แปลกตา และโดดเด่นกว่าโครงการอื่น ๆ ในตลาด เพื่อกระตุ้นความน่าสนใจ รวมทั้งผู้ประกอบการเลือกเปิดขายโครงการในทำเลที่มีแนวโน้มการขยายตัวในอนาคต เพื่อที่ผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มนักลงทุนสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคตได้
จับตากลุ่มเก็งกำไร-ต่างชาติ ทิ้งเงินจอง
สิ่งที่น่ากังวลคือการโอนกรรมสิทธิ์ของกลุ่มผู้ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น เพราะผู้ซื้อกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งต้องการขายออกก่อนที่จะโอนกรรมสิทธิ์แต่หากขายไม่ได้ อาจจะทิ้งเงินจองหรือทำเรื่องยกเลิกสัญญา ห้องเหล่านั้นจะกลับมาเป็นปัญหาของผู้ประกอบการในอนาคต อีกเรื่องที่ควรจับตามองคือกำลังซื้อต่างชาติที่เข้ามาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเกือบทั้งหมดซื้อเพื่อการลงทุน หากได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาดหวังอาจมีปัญหาเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์เช่นกัน รวมไปถึงการโอนเงินระหว่างประเทศที่มีข้อจำกัดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายรายชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ในไตรมาส 4 แต่ก็มีบางรายที่เริ่มประชาสัมพันธ์ถึงโครงการใหม่ที่จะเปิดขายในไตรมาส 4 แล้วตั้งแต่ในช่วงปลายไตรมาส 3 เพื่อให้เกิดการรับรู้ก่อนหยุดกิจกรรมทางการตลาดในเดือนตุลาคม โดยในช่วงไตรมาส 4 ผู้ประกอบการหลายรายมุ่งเน้นไปที่การระบายยูนิตและโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่สร้างเสร็จเพื่อจะได้เพิ่มรายได้ของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหรือต่ำกว่าเป้าไม่มากเกินไป โดยคาดว่าคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ ทั้งปี 2560 จะมีมากกว่า 50,000 ยูนิต ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ช่วงกลางปี แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการว่าจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องในไตรมาส 4 หรือไม่
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน