แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 จะไม่เติบโตเปรี้ยงปร้างเหมือนกับในอดีต แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสท้าย ๆ ของปี ทำให้กูรูทางด้านอสังหาริมทรัพย์หลายท่านต่างฟันธงว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ภายใต้ปัจจัยที่น่าจับตามองหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องที่ดิน
คอนโดฯ คาดโตต่อเนื่องถึงปี 61
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ กรรมการสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า คอนโดมิเนียมถือเป็นพระเอกของตลาดอสังหาริมทรัพย์มาตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา โดยไม่มีภาวะซัพพลายล้นตลาดเหมือนปี 2540 เนื่องจากมีข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ช่วยวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมากขึ้นของเหล่าผู้ประกอบการ ทำให้โครงการที่สร้างขึ้นมาสามารถโอนได้จริง โดยมีอัตราดูดซับประมาณ 5 ยูนิต/โครงการ/เดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่อยู่ที่ 4 ยูนิต/โครงการ/เดือน
คอนโดมิเนียมเติบโตจากเส้นทางรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย อาทิ บางแค บางหว้า เนื่องจากราคาที่ดินถูก จึงทำให้ราคาคอนโดมิเนียมยังไม่สูงมากนัก รวมถึงแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย บริเวณแบริ่ง ซึ่งมีโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ราคาไม่สูงนัก เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และบริเวณหลักสี่ รัชโยธิน ก็ได้รับเสียงตอบรับดีจากผู้บริโภคเช่นกัน โดยทำเลที่ขายดีอย่างต่อเนื่องคือ ทำเลใจกลางเมือง อาทิ สุขุมวิท อโศก อ่อนนุช รัชดาภิเษก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ห้าแยกลาดพร้าว รัชโยธิน
ขณะที่ราคาคอนโดมิเนียมเติบโตขึ้นอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 1.4-1.5 แสนบาท/ตารางเมตร เนื่องจากราคาที่ดินสูงขึ้น โดยที่ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้น 10-20% ต่อปี ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9-10% ต่อปี ซึ่งถือเป็นอุปสรรคใหญ่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่สูงที่สุดในรอบหลาย ๆ ปี เป็นผลมาจากผู้บริโภคชะลอการซื้อในช่วงงานพระราชพิธีฯ ทำให้หลาย ๆ โครงการมียอดจอง ยอดโอน โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561
แนวราบที่ดินหายาก-สินเชื่อเข้มงวด
นายวสันต์ เคียงสิริ อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2560 ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบอยู่ที่ประมาณ 60,000 หน่วย ในขณะที่มีโครงการเปิดใหม่ประมาณ 30,000 หน่วย แสดงให้เห็นว่ามียอดโอนมากกว่าถึง 2 เท่าของโครงการเปิดใหม่ จากจำนวนยูนิตทั้งตลาดที่เหลืออยู่ประมาณ 78,000 หน่วย จึงไม่น่าห่วงเรื่องภาวะซัพพลายล้นตลาด
สาเหตุที่โครงการใหม่เกิดขึ้นน้อย เนื่องจากที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการแนวราบหาได้ค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่อยู่รอบนอกวงแหวนและปริมณฑลทั้งหมด ใจกลางเมืองแทบไม่มีเลย เนื่องจากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 70-80% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้ที่มีเงินเดือนประจำมีรายได้สูงขึ้นไม่เกิน 20% ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวได้ ส่งผลให้ต้องไปอยู่บริเวณชานเมือง หรือเลือกโครงการบ้านแฝดที่ยังมีระดับราคาประมาณ 3 ล้านกว่าบาทแทน อีกสาเหตุหนึ่งคือผังเมืองกรุงเทพฯ ฉบับใหม่ มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินมากกว่าเดิม ทำให้ที่ดินในกรุงเทพฯ กว่าครึ่งหนึ่ง ไม่สามารถพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ได้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุย แก้ไข เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้มากขึ้น
ปัจจัยที่น่าจับตามองอีกอย่างหนึ่งคือ สินเชื่อที่อยู่อาศัยมีความเข้มงวดมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 จนถึงกลางปี 2560 ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 60-70% แต่จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมาสถานการณ์ดีขึ้นมียอดปฏิเสธสินเชื่อเหลือเพียง 30% แต่ยังถือว่าสูงกว่าในอดีตที่อยู่ที่เพียง 20% แต่ในปีหน้าคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่านี้เมื่อสถาบันการเงินผ่อนคลายมากขึ้น
ในปี 2561 คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะเติบโตอยู่ในช่วง 4% ต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปี การลงทุนที่ส่งผลต่อตลาดมากที่สุดคือการลงทุนภาครัฐ แต่กว่าจะเห็นผลกลับมาสู่กำลังซื้อในภาคอสังหาริมทรัพย์คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ โดยเชื่อว่าตลาดไม่น่าจะต่ำไปกว่านี้แล้ว เนื่องจากยังมีปัจจัยบวกในเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ยังต่ำอยู่ และกำลังซื้อสะสมที่ชะลอการซื้อจากการถูกปฏิเสธสินเชื่อ หรือไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งมาตรการสินเชื่อที่ผ่อนคลายลง
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน