นอกจากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นของความต้องการที่อยู่อาศัยที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เป็นได้มากกว่าบ้าน มากกว่าที่ทำงาน บ่งบอกไลฟ์สไตล์ ยังมีอีกหลายเทรนด์ที่น่าสนใจซึ่งเราเคยพูดถึงแล้วในบทความ เทรนด์ในการสร้างบ้านที่มีแนวโน้มมาแรงในปี 2017-2020 จะเห็นได้ว่ารูปแบบการสร้างบ้านและตกแต่งบ้านนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและความต้องการที่เปลี่ยนไปในแต่ละยุค ครั้งนี้เราจะมาเจาะลึกให้ใกล้เข้าไปอีก สำหรับเทรนด์ในการสร้างบ้านปี 2018 หรือ 2561 ในอนาคตที่ใกล้จะถึงนี้ ซึ่งมี 7 เทรนด์ด้วยกัน
1. Smart Home Smart Office
ความเป็น Entrepreneurship ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นจำนวนมากขึ้นๆ และคาดว่าจะมากขึ้นต่อไปเรื่อย เมื่อโลกปี 2017 เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์อย่างแท้จริง เมื่อไปถามเด็กจบใหม่รุ่นหลังๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ถ้าไปทำงานประจำก็ขอออฟฟิศสวยๆ ใกล้บ้าน เพราะเบื่อปัญหารถติด เพราะฉะนั้นการปลูกสร้างบ้านแบบโฮมออฟฟิศเก๋ๆ จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
จุดเด่นของโฮมออฟฟิศยุคใหม่ คือ มีส่วนโปร่งโล่ง ที่นั่งสบายๆ ไว้จิบกาแฟยามบ่าย ห้องสันทนาการกับเพื่อนที่ทำงาน ห้องสังสรรค์เมื่อตกเย็น สระว่ายน้ำสวยๆ ส่วนเจ้าของโฮมออฟฟิศนี้ก็อาจจะสร้างห้องนอนไว้อยู่ข้างบนแต่มีการแบ่งสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน
2. Solitude
จากสถิติรายงานว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าเพศหญิงจะมีจำนวนมากกว่าเพศชาย 1.5 ล้านคน จำนวนผู้หญิงโสดจะมากขึ้น 5.6 ล้านคน และการแต่งงานจะช้าลง 45 % รวมถึงสถิติการหย่าร้างที่มีแนวโน้มสูงขึ้น (อัตราการหย่าร้างในปี 2556 คือ 35% และ ปี 2557 =37% ) ประกอบกับข้อมูลปัจจุบันที่ประเทศไทยมีประชากรโสดกว่า 40% หรือประมาณ 17 ล้านคน “ผู้หญิงตัวคนเดียว” และประชากรโสด จะมีเพิ่มมากขึ้น เทรนด์การสร้างบ้านในอนาคตจึงมีความเป็นไปได้ที่จะจับตลาดกลุ่มนี้เป็นหลัก คือ เป็นบ้านขนาดย่อม ในราคาคุ้มค่า มีฟังก์ชันการทำงานครบถ้วน รองรับความต้องการของคนยุคใหม่ที่ชื่นชอบกิจกรรมต่าง ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ มอบความความเป็นส่วนตัว และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี
3. Safe & Secure ความปลอดภัย
บ้านที่สมบูรณ์แบบนั้น นอกจากจะต้องตอบสนองการใช้สอยได้เต็มประสิทธิภาพแล้วยังต้องสามารถคุ้มครองสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย เพราะชีวิตในบ้านคงไม่มีความสุขนัก หากบ้านที่เราอยู่อาศัยไร้ซึ่งความอบอุ่นปลอดภัย เหมือนมีอันตรายอยู่ใกล้ตัว ซึ่งสองปัจจัยหลักที่ทำเทรนด์เรื่องความปลอดภัยน่าจับตามอง ก็คือ การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ (ในปี 2558 ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไปมีจำนวนกว่าร้อยละ 10 หรือมากกว่า 7 ล้านคน และมีการคาดการณ์ว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นถึง 17 ล้านคน ภายในปี 2583 ซึ่งมากกว่า 1 ใน 4 ของประชากรไทย)
ด้วยความใส่ใจเรื่องสุขภาพของคนรุ่นใหม่ เทรนด์การสร้างบ้านในอนาคตนั้นจึงจะเน้นความปลอดภัยทั้งในขั้นตอนการก่อสร้างการเลือกสรรวัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไปจนถึงการอยู่อาศัยที่การออกแบบจะพิจารณาถึงความปลอดภัยในการใช้งานจริง ไปจนถึงการสร้างบ้านให้รองรับบริการสุขภาพในอนาคต เช่น มีระบบเซนเซอร์ป้องกันการล้ม การออกแบบพื้นป้องกันการลื่นและรองรับการทำงานร่วมกับบริการทางการแพทย์ เป็นต้น
บ้านผู้สูงวัย
4. Strong Funding
ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะให้ความสำคัญกับบุคคลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บุคคลในครอบครัวอย่างมาก ครอบครัวเศรษฐีบางท่านปลูกบ้านพักแขกไว้อีก 1-2 หลัง ภายในบริเวณบ้านตัวเองเพียงเพื่อต้องการให้แขกที่มาเยี่ยมเยียนบ้านของเขาได้มีที่นอนอย่างสุขสบาย หรือบางกรณีที่ครอบครัวเศรษฐีเหล่านี้ได้ปลูกบ้านพักของเหล่าบรรดาแม่บ้าน คนขับรถ คนสวน คนงาน และอื่นๆ ไว้ในบริเวณบ้านพักอาศัยของเขาเพียงเพื่อต้องการดูแลพวกเขาเหล่านี้เสมือนหนึ่งคนในครอบครัว
เศรษฐีเหล่านี้ทราบดีว่าการลงทุนสร้างอสังหาริมทรัพย์แบบนี้นอกจากครอบครัวของเขาจะได้ใช้ระหว่างที่อยู่ในบ้านหลังนี้ เขายังสามารถหาทางขายต่อได้ในราคาที่สูงกว่าเมื่อเวลาผ่านไปถ้าบ้านของเขายังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สอดคล้องกับหนังสือพิมพ์ Financial Times ฉบับวันที่ 17 มกราคม 2557 ที่ได้ตีพิมพ์ในคอลัมน์หนึ่ง ใจความว่า หลังวิกฤติ sub-prime ปี 2551 เศรษฐีทั่วโลกได้มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 146,000,000,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อมาเมื่อปี 2555 ตัวเลขนี้ได้มีการเพิ่มขึ้น 111 เปอร์เซนต์เป็น 308,000,000,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
5. Soaring สูงขึ้น
ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา จำนวนประชากรในเมืองใหญ่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยสหประชาชาติระบุว่า 54% ของการเพิ่มจำนวนประชากรเกิดขึ้นในมหานครต่าง ๆ และตัวเลขนี้จะเพิ่มเป็นร้อยละ 66 ภายใน 35 ปีข้างหน้า หรือในกรุงเทพเองมีที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยอยู่ 239,086 ไร่ ปรากฏสถิติจำนวนบ้านของกรุงเทพมหานคร ได้เพิ่มจาก 1.24 ล้านหลัง ในปี พ.ศ. 2534 เพิ่มเป็น 1.9 ล้านหลัง ในปี พ.ศ. 2543 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มโดยเฉลี่ย 60,000 หลังต่อปี
จากสถิติดังกล่าวจะเห็นได้ว่าความหนาแน่นของพื้นที่ในการสร้างที่อยู่อาศัยลดลงจากสมัยก่อน ผู้คนมีที่ดินจำนวนมาก สร้างบ้านเพียง 1-2 ชั้น เมื่อลูกแต่งงานก็แบ่งพื้นที่ให้ปลูกบ้านขนาด 1-2 ชั้นนั้น เปลี่ยนเป็นการสร้างบ้านหลาย ๆ ชั้นที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มีพื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน และสามารถอยู่อาศัยหลายครอบครัว
6. Space Solutions
สอดคล้องกับพื้นที่ที่บ้านที่เล็กลงแต่ใช้ประโยชน์หลากหลายขึ้น ทำให้คนเริ่มเห็นความสำคัญในการจัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานั้นมีเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับขนาดหรือรูปแบบให้เหมาะกับการใช้งาน ในอนาคตอันใกล้บ้านเองก็จะปรับตัวในทิศทางเดียวกันคือ เจ้าของบ้านสามารถปรับและจัดสรรการใช้พื้นที่ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานในแต่ละครั้ง อาทิ ผนังกั้นระหว่างส่วนรับแขกและพื้นที่อเนกประสงค์ ที่เลือกได้ว่าจะปิดหรือเปิด หรือชั้นเก็บของที่ถูกออกแบบให้ปรับตำแหน่งได้ทำให้เจ้าของบ้านเลือกวางชิดผนังหรือเคลื่อนออกมาเพื่อให้กั้นระหว่างโซนต่าง ๆ รวมถึงห้องครัวที่สามารถขยายเป็นโซนรับประทานอาหาร หรือผนังที่สามารถเปิดออกเป็นพื้นที่หน้าบ้านได้ เป็นต้น
7. Semi-Party Semi-Living
บ้านลักษณะนี้เหมาะกับบุคคล Gen Y ที่ชอบการสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงเป็นชีวิตจิตใจ แต่เมื่อวันนึงเริ่มเบื่อกับการไปปาร์ตี้นอกสถานที่หรือเริ่มนับหนึ่งกับชีวิตคู่ คนกลุ่มนี้ก็เริ่มจะมองหาบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองซึ่งก็คือบ้านปาร์ตี้ ลักษณะของบ้านประเภทนี้ คือ ต้องโปร่งโล่งมีพื้นที่เฉลียงใหญ่ๆ มีสระว่ายน้ำ มีบาร์แอลกอฮอล์ มีเกมส์ให้เล่น ทีวีจอใหญ่ๆ อุปกรณ์ทุกชนิดที่คิดว่าเมื่อชวนเพื่อนๆ มาที่บ้านแล้วต้องไม่ให้เพื่อนๆ เหงา ลักษณะจะคล้ายกับ pool villa ที่เราไปพักตามเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา หัวหิน ภูเก็ต เป็นต้น
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
บทความจาก Royal House สร้างบ้านด้วยสมอง รับสร้างบ้าน