ตามแผนงานจากภาครัฐในส่วนของโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือ สายเฉลิมรัชมงคล จะถูกแบ่งเป็น 4 ช่วงด้วยกัน ซึ่งในปัจจุบันได้เปิดให้บริการไปแล้ว 1 ช่วงคือ หัวลำโพง – บางซื่อ และยังเหลืออีก 3 ช่วงส่วนต่อขยายที่ยังดำเนินการสร้างอยู่คือช่วงสถานนี บางซื่อ – ท่าพระ, หัวลำโพง – บางแค และบางแค – พุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งในปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างเส้นทางหัวลำโพง – บางแค (ฝั่งใต้) และบางซื่อ – ท่าพระ (ฝั่งเหนือ) รวมระยะทางกว่า 27 กม. และมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 85% โดยมีการคาดการณ์ที่จะเปิดใช้บริการส่วนต่อขยายทั้ง 2 ช่วงดังกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หรืออีกประมาณ 2 ปี ข้างหน้า ส่วนช่วงบางแค – พุทธมณฑลสาย 4 ยังคงอยู่ในช่วงรอ ครม. อนุมัติสร้าง พร้อมประมูลกลางปี 2560 และคาดการณ์ว่าจะเปิดให้ใช้บริการจริงปี 2564 หาก ครม. อนุมัติสร้างในปีนี้
ในเรื่องของค่าตัวโดยสารก็ได้มีการเจรจาระหว่างทางภาครัฐและเอกชน ในเบื้องต้นส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินจะไม่เก็บค่าแรกเข้าซ้ำจากที่สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ เสียค่าแรกเข้า 16 บาท/เที่ยว และเก็บตามระยะทางสถานีละไม่เกิน 2 บาท แต่เส้นทางนี้เก็บสูงสุดที่ 42 บาท หรือคิดเป็น 12 สถานี จากทั้งหมดมี 18 สถานี ขณะที่เมื่อเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้งเส้นจะมีจำนวนสถานีทั้งหมด 38 สถานี
ทั้งนี้เองไฮไลท์เด่นของสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินก็คือจุดเชื่อมต่อ Interchange กับโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ หากช่วงบางซื่อ – เตาปูน สามารถเชื่อมต่อกันได้ และช่วงส่วนต่อขยายบริเวณหัวลำโพง – บางแค สร้างเสร็จ และมีการเปิดใช้งานจริงในปี 2562 จะทำให้เส้นทางการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งวนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสล้อมรอบตัวเมืองชั้นในเอาไว้ และนั่นก็หมายความว่ารถไฟฟ้าสายใหม่ทุกสายที่มีการวิ่งผ่านเข้าเมือง รวมถึงสายสีเขียวอย่างสุขุมวิท และสีลม จำเป็นจะต้องมีจุดตัด (Interchange) หรือระยะสถานีของรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ที่ใกล้กับสถานีต่างๆ บนโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้งหมด
โดยปัจจุบันตามแผนภูมิเส้นทางโครงข่ายของรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากเกิดขึ้นจริงตามแผนงานจะเห็นว่า โครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะมีจุด Interchange ที่สถานี ท่าพระ (น้ำเงิน – น้ำเงิน), สถานี วังบูรพา (น้ำเงิน – ม่วง), สถานีหัวลำโพง (น้ำเงิน – แดง), สถานีสีลม (น้ำเงิน – เขียว), สถานีลุมพินี (น้ำเงิน – ฟ้า), สถานีสุขุมวิท (น้ำเงิน – เขียว), สถานีเพชรบุรี (น้ำเงิน – ARL รางคู่ – แดง), สถานีศูนย์วัฒนธรรม (น้ำเงิน – ส้ม), สถานีลาดพร้าว (น้ำเงิน – เหลือง), สถานี เตาปูน (น้ำเงิน – ม่วง) และสถานีบางขุนนนท์ (น้ำเงิน – แดง – ส้ม)
รวมไปถึงไฮไลท์ที่พิเศษกว่าโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ก็คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะเป็นรถไฟฟ้าสายแรกของไทยที่มีการขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาที่มีการดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 60% อีกทั้งยังมีสถานีสนามไชยที่มีงานตกแต่งสถาปัตยกรรมให้มีลักษณะคล้ายท้องพระโรง สมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งจะเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับพระบรมมหาราชวัง และวัดโพธิ์ ทั้งนี้จะเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมสถานีสนามไชยได้ในปลายปีนี้ โดยปัจจุบันมีการออบแบบควบคู่ไปกับการก่อสร้างเส้นทางเสร็จสิ้นไปแล้วเกือบ 100%
นอกจากนี้ ยังมีสถานีวัดมังกร สถานีวังบูรพา สถานีอิสรภาพ ที่จะมีการตกแต่งภายในสถานีอย่างสวยงามให้กลมกลืนกับสถาพแวดล้อมของสถานี โดยมีการออกแบบควบคู่ไปกับการก่อสร้างระบบรางรถไฟทั้งโครงการเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 80%

ภาพ via ftilogistics.org
ศักยภาพของจุดเด่นทั้งหมดที่กล่าวมาในส่วนนี้มีส่วนช่วยอย่างมากที่จะปลุกราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่แนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้งทางฝั่งเหนือ และฝั่งใต้ ให้บูมขึ้น โดยในปัจจุบันมีหลายโครงการที่ปักหมุดตามแนวรถไฟฟ้า โดยเฉพาะช่วงจรัญฯ – บางพลัด ที่สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่แหล่งงานบริเวณ สีลม ได้ในเวลาไม่ถึง 30 นาที และสามารถตอบโจทย์การเดินทาง สาธารณูปโภคที่ครบครัน โดยในปัจจุบันมีการปล่อยขายที่ดินในราคาไม่เกิน 200,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งถือเป็นราคาที่ยังอยู่ในฐานที่ดีเวลลอปเปอร์สามารถใช้งานที่ดินในการผลิตโปรดักส์โครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทได้สบายๆ
ด้วยเหตุนี้ซัพพลายคอนโดฯ ใหม่หลายเจ้าจึงจัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เจาะกลุ่มตลาดระดับล่างไปจนถึงระดับกลางขึ้นมาบนทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เป็นเหมือนไข่ขาวที่ล้อมรอบตัวเมืองอันเป็นไข่แดงเอาไว้ ซึ่งในปัจจุบันมีโครงการคอนโดมิเนียมติดกับแนวรถไฟฟ้าที่น่าสนใจอยู่หลายโครงการ และยังมีราคาไม่ถึง 3 ล้านด้วยอีกต่างหาก อาทิ
บริกซ์ คอนโด จรัญสนิทวงศ์ 64 (Brix Condominium Charansanitwong 64)
บริษัท มีสไตล์ เอสเตท จำกัด ได้ทำการจับเอาที่ดินของอาคารอพาร์ทเมนต์เก่ามาเคลียร์พื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ล่าสุดอย่าง “บริกซ์ คอนโดมิเนียม (BRIX Condominium)” คอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น ติดรถไฟฟ้าสถานีสิรินธร 0 ม. ตั้งอยู่บนแยกถนนสิรินธร – บางพลัด แต่กลับมีราคาเริ่มต้นที่ 1.55 ล้านบาทเท่านั้น ถือเป็นโครงการที่น่าสนใจมาก เพราะโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่ทำการปิดขายได้เร็วที่สุด โดยปัจจุบันยังมีการซื้อ – ขายดาวน์อยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นโครงการใหม่ หากใครสนใจสามารถกดอ่านรีวิวฉบับเต็มของโครงการ บริกซ์ คอนโด จรัญสนิทวงศ์ 64 ได้ที่นี่
เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า (The Parkland Charan – Pinklao)
หนึ่งในผู้ประกอบการณ์ที่มีชั่วโมงการบินของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 20 ปี และเน้นผลิตโปรดักส์ที่มีคุณภาพตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปอย่าง บริษัท นารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้แตกแบรนด์ลูกออกมาเป็น บริษัท นารายา และจับเอาพื้นที่ติดรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันมาพัฒนาโครงการ เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า โดยชูจุดเด่นใกล้รถไฟฟ้าเพียง 20 ม. พร้อม Facility ขนาดใหญ่ และเรียกได้ว่าเยอะที่สุดในโครงการย่านนี้ กับราคาเอาใจกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ถึง 2 ล้านบาทเท่านั้น โดยกลุ่มคนที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 25,000 – 30,000 บาทก็มีโอกาสที่จะกู้สินเชื่อเพื่อหาที่อยู่อาศัยในระดับราคานี้ได้ไม่ยาก หากสนใจสามารถหาข้อมูลและติดตามชมรีวิวโครงการ เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ได้ที่นี่
พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น (Plum Condo Pinklao Station)
“พฤกษา” อีกหนึ่งดีเวลลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่ก็ไม่พลาดที่จะเข้ามายึดหัวหาดในทำเลที่มีศักยภาพของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ด้วยการนำแบรนด์ Plum Condo มาพัฒนาเพื่อเจาะดีมานด์กลุ่มคนทำงาน หรือผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยหรือคอนโดใหม่ใกล้รถไฟฟ้าสายอนาคตในราคาที่จับต้องได้ โดยโครงการ Plum Condo Pinklao Station ตั้งอยู่บนทำเลที่ถือว่าสะดวกสบาย ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีบางยี่ขัน ประมาณ 600 เมตรกับราคาเริ่มต้นที่ล้านปลายๆ เท่านั้น หากใครที่มีแหล่งงานอยู่บริเวณโรงพยาบาลศิริราช หรือ ปิ่นเหล้า โครงการนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะนอกจากรถไฟฟ้าแล้วยังมีออฟชั่นในการเดินทางอื่นๆ ที่เชื่อมต่อไปถึงแหล่งงานได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถติดตามชมรีวิวโครงการ Plum Condo ปิ่นเกล้า สเตชั่น ฉบับเต็มได้ที่นี่
ไอดีโอ โมบิ จรัญ-อินเตอร์เชนจ์ (Ideo Mobi Charan Interchange)
อีกหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงในการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่มองเห็นศักยภาพในทำเลนี้ได้แก่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่จรัญสนิทวงศ์ให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้า ซึ่งจากหลายโครงการที่ผ่านมา จะเห็นว่าอนันดาฯ ถือเป็นผู้ประกอบการแถวหน้าของโครงการที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้า และจากชั่วโมงบินที่เก็บสั่งสมมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อคว้าทำเลในย่านที่เห็นแล้วว่ามีศักยภาพอย่างถนนจรัญสนิทวงศ์ ก็ไม่พลาดที่จะพลิกโฉมที่ดินผืนดังกล่าว ให้กลายที่อยู่อาศัยแบบไฮไรส์ ภายใต้ชื่อ “ไอดีโอ โมบิ จรัญ-อินเตอร์เชนจ์” คอนโดมิเนียมแบรนด์หรูที่จัดเต็มทุก Facility พร้อม Layout ยูนิตที่มีให้เลือกจนแทบตัดสินใจไม่ถูกกับราคาเริ่มต้นที่ 2.69 บาทเท่านั้น ถือเป็นโครงการแรกๆที่เข้ามาปะกหมุดในย่านนี้ และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยทาง DDproperty เองก็มีรีวิวฉบับเจาะลึกโครงการให้ดูกันว่าอะไรที่เป็นเหตุผลให้โครงการในทำเลย่านฝั่งธนนี้น่าสนใจโดยสามารถติดตามชมได้ที่นี่
ไลฟ์ ปิ่นเกล้า (Life Pinklao)
ไลฟ์ ปิ่นเกล้า” (Life Pinklao) โครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ที่ AP ตั้งใจออกแบบโปรดักส์โครงการมาให้เชื่อมต่อคนรุ่นยุค Baby Boomers กับคนรุ่น Gen Y เข้าไว้ด้วยกันผ่านรูปแบบที่อยู่อาศัย โดยมีคอนเซ็ปต์ที่จะดึงความสัมพันธ์ในระดับเครือญาติระหว่างยุค Gen X และ Y เข้าไว้ด้วยกกัน จะดีแค่ไหน ถ้าเราจะได้เห็นภาพความอบอุ่นเหล่านั้น ณ หนึ่งในย่านที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพกับโครงการคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ทุกอย่างสำหรับไลฟ์สไตล์ครอบครัวที่มีราคาประมาณ 3 ล้านเท่านั้น โดยทาง DDproperty ก็ได้จัดรีวิวโครงการฉบับเต็มแบบเจาะลึกกันมาไว้ที่นี่แล้วเช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กิตติคม พจนี Content Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน