“ฟรีแลนซ์เตรียมพร้อมรับมือกับเกณฑ์ภาษีใหม่ปี 60 โดยกันเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อจ่ายภาษี และอย่าลืมนำรายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว มารวมคำนวณกับรายได้ประเภทอื่นเพื่อยื่นภาษีอีกครั้ง”
ฟรีแลนซ์ อาชีพยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระ และไม่ชอบเข้างาน ออกงานตามเวลาเหมือนอย่างมนุษย์เงินเดือนทั่วไป สำหรับปีภาษี 2560 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ย่อมส่งผลกระทบต่อฟรีแลนซ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ K-Expert จึงมีคำแนะนำเรื่องการวางแผนภาษีสำหรับฟรีแลนซ์มาฝาก
สำหรับเกณฑ์ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2560 มีผลกระทบกับฟรีแลนซ์ในเรื่องของการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา ซึ่งจะมีทั้งแบบที่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นและลดลง ขึ้นอยู่กับประเภทรายได้ของฟรีแลนซ์ดังนี้
– แบบที่หักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น
หากฟรีแลนซ์คนไหนมีรายได้ประเภท 40(2) เช่น ค่านายหน้า ค่าจ้างเขียนหนังสือ ก็ถือว่าโชคดีไปเพราะปีนี้สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้เพิ่มขึ้น ทำให้เราเสียภาษีน้อยลง และมีเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น สมมติปีนี้เรามีรายได้จากการรับทำงานให้ทั้งปีอยู่ที่ 500,000 บาท จากเดิมที่สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้เพียง 60,000 บาท เมื่อหักค่าลดหย่อนส่วนตัวไป 30,000 บาท เท่ากับว่าเหลือรายได้อีก 410,000 บาทที่ต้องนำมาคำนวณภาษี ซึ่งจะเสียภาษีอยู่ที่ 18,500 บาท แต่ปัจจุบันสามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 บาท และสามารถหักค่าลดหย่อนส่วนตัวได้เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 บาทด้วย เท่ากับว่าเหลือรายได้อีกแค่ 340,000 บาทที่เราต้องนำมาคำนวณภาษี ซึ่งจะเสียภาษีน้อยลงเหลือแค่ 11,500 บาทเท่านั้น
– แบบที่หักค่าใช้จ่ายได้ลดลง
ส่วนคนที่มีรายได้เข้าข่าย 40(7) และ 40(8) คงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายทางภาษีที่จะเกิดขึ้นแล้วล่ะ เนื่องจากปีนี้หากเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาก็จะหักค่าใช้จ่ายได้น้อยลง ทำให้เราเสียภาษีมากขึ้น คิดง่ายๆ ว่า ถ้าเรามีรายได้จากการขายเครื่องสำอางซึ่งเป็นรายได้ประเภท 40(8) ทั้งปีอยู่ที่ 1 ล้านบาท จากเดิมที่สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ถึง 700,000 บาท เมื่อหักค่าลดหย่อนส่วนตัวไป 30,000 บาท เท่ากับว่าเหลือรายได้อีก 270,000 บาทที่ต้องนำมาคำนวณภาษี ซึ่งจะเสียภาษีอยู่ที่ 6,000 บาท แต่ปัจจุบันหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้น้อยลง เหลือเพียง 600,000 บาทเท่านั้น แม้ว่าจะหักค่าลดหย่อนส่วนตัวได้เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 บาท เท่ากับว่าเหลือรายได้อีกตั้ง 340,000 บาทที่เราต้องนำมาคำนวณภาษี และต้องเสียภาษีสูงถึง 11,500 บาทเลยทีเดียว ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้ฟรีแลนซ์คำนวณภาษีเอาไว้คร่าวๆ ทุกครั้งที่มีรายได้เข้ามา และกันเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อเตรียมจ่ายภาษีที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่ฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด นั่นคือ รายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคิดว่าจบแล้ว เพราะมีคนจ่ายภาษีให้เราเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องไปทำอะไรอีก แต่จริงๆ แล้ว รายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปจะยังไม่จบเพราะเป็นเพียงการนำส่งภาษีแค่บางส่วนเท่านั้น เรายังมีหน้าที่ที่ต้องนำรายได้ในส่วนนี้ไปรวมคำนวณกับรายได้ประเภทอื่นเพื่อยื่นภาษีอีกครั้ง โดยจะเสียภาษีตามฐานภาษีของเรา
แล้วถ้าเราไม่นำรายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้วมารวมคำนวณกับรายได้ประเภทอื่นเพื่อยื่นภาษีอีกครั้งล่ะ จะมีใครรู้ไหม ตรงนี้บอกได้เลยว่า กรมสรรพากรรู้อย่างแน่นอน เพราะตอนที่ผู้ว่าจ้างหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้นั้น ได้มีการระบุชื่อเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเงินส่วนนี้จ่ายให้กับใคร และมีเลขบัตรประชาชนของผู้รับเงินด้วยจึงสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น ใครที่ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือลืมนำมารวมยื่น ก็แนะนำให้ทำให้ถูกต้อง โดยแจ้งสรรพากรพื้นที่เพื่อคำนวณภาษีใหม่อีกครั้ง
หวังว่าคำแนะนำข้างต้นจะเป็นประโยชน์กับชาวฟรีแลนซ์ในการเตรียมตัวรับมือกับเกณฑ์ภาษีใหม่ในปีนี้ และช่วยให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ AFPT K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com