“คมนาคม” แจงแยกสัญญาก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางเป็น 13 สัญญา เปิดโอกาสผู้รับเหมาขนาดกลาง-ต่างชาติร่วมเสนอราคา แม้ต้องปรับข้อกำหนด TOR และกำหนดราคากลางใหม่ เชื่อช่วยงานก่อสร้างรวดเร็วขึ้น ยันไม่กระทบงานโครงการเฟส2 เหตถูกบรรจุในแผนปฏิบัติการเร่งด่วนปี 60 พร้อมนำเสนอครม. แล้ว ด้านร.ฟ.ท.เผยราคากลางยังใกล้เคียงกับงานเดิม ย้ำวงเงินก่อสร้างไม่เกินกรอบที่ครม.อนุมัติไว้ 100,138.72 ล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า กล่าวถึงโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางว่า ขณะนี้ได้มีการแยกสัญญาการก่อสร้างรถไฟทางคู่ออกเป็น 13 สัญญา เพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้ยื่นประมูลงานมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้รับเหมารายกลางและต่างชาติมีสิทธิ์เข้ามาเสนอราคาได้ ทั้งนี้การกำหนดราคากลางในการประมูลงานนั้น ต้องมีการคำนวนค่าก่อสร้างอีกครั้งหนึ่ง เพราะต้องแบ่งส่วนงานกันใหม่ โดยให้แยกงานก่อสร้างออกเป็นส่วน ซึ่งการแบ่งงานก่อสร้างออกเป็นหลายสัญญานั้น จะทำให้งานเร็วขึ้น แต่ ร.ฟ.ท.ต้องมีการจัดทำแผนประมูลและงานก่อสร้างที่ชัดเจน ให้สอดรับกับงานระบบอาณัติสัญญาณ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตามการทบทวนรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางจะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟส 2 ซึ่งมีจำนวน 9 โครงการ ภายใต้วงเงิน 398,376 ล้านบาท เนื่องจากโครงการในเฟส 2 นั้นถูกบรรจุไว้อยู่ในแผนปฏิบัติการเร่งด่วนปี 2560 แล้ว โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำโครงการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติ ซึ่งหลังจากที่ได้รับการอนุมัติแล้วจะเริ่มเปิดประมูลตามโมเดลที่บอร์ดกำหนดไว้
ด้านนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า หลังจากที่บอร์ด จัดซื้อจัดจ้าง กำหนดให้แบ่งงานประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง เป็น 3 ส่วน รวม 13 สัญญา โดยมีค่างานตั้งแต่ 5,000-10,000 ล้านบาทต่อสัญญา ซึ่งประกอบด้วย งานโยธาและงานระบบราง 9 สัญญา งานระบบอาณัติสัญญาณ และงานโทรคมนาคม 3 สัญญา รวมถึงงานก่อสร้างอุโมงค์ในช่วงหมวกเหล็กของสายมาบกะเบา-จิระ อีก 1 สัญญา
หลักเกณฑ์ในการแบ่งสัญญาให้มีขนาดงานเล็กลง คือ โครงการรถไฟทางคู่ 1 โครงการ หากมีมูลค่าเกิน 2 หมื่นล้านบาท ให้แบ่งงานออกเป็น 2-3 สัญญา โดยให้แยกระบบอาณัติสัญญาณออกมาต่างหาก เพราะงานอาณัติสัญญาณเดิมมี 3 สัญญา เนื่องจากเส้นทางสายใต้เป็นงานที่มีความต่อเนื่องกัน ดังนั้น ทางบอร์ด จึงให้รวบเป็นสัญญาเดียวกัน จากนครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร เพื่อเกิดความต่อเนื่องกันในการทำงาน นอกจากนี้ ยังได้ปรับข้อกำหนด TOR ใหม่หลังมูลค่างานต่อสัญญาเล็กลง เช่น ผลงานจากเดิม 15% ของมูลค่างานจะเหลือ 10% ส่วนการกำหนดราคากลางคาดว่าจะใกล้เคียงกับของเดิมที่ประมูลไป และไม่น่าจะเกินจากกรอบเงินงบประมาณที่ครม.ได้รับอนุมัติไว้ 100,138.72 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ ราคากลาง 23,920 ล้านบาท เส้นทางมาบกะเบา-จิระ 28,104.31 ล้านบาท เส้นทางนครปฐม-หัวหิน 19,269.89 ล้านบาท เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 9,853 ล้านบาท และเส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 16,234.64 ล้านบาท รวมงบประมาณที่ต้องใช้ทั้งสิ้น 97,382.72 ล้านบาท
ทั้งนี้ งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ มีความต่างจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ตรงที่รถไฟทางคู่ต้องสร้างขนานไปกับทางเดิมที่มีรถไฟวิ่งอยู่ ดังนั้น สถานีที่อยู่ในเส้นทางเดิมจะได้รับผลกระทบ เพราะทุกสถานีตามรายทางจะเป็นจุดตัดระบบอาณัติสัญญาณ ทำให้สามารถเปลี่ยนรางวิ่งจากรางหนึ่งไปสู่อีกรางหนึ่งได้ ทางเทคนิคต้องดำเนินการไปพร้อมกันภายใต้สัญญาเดียวกัน จึงจะทำให้บริหารจัดการร่วมกันได้ แต่หากต้องแยกสัญญาจากกัน จะต้องรอให้งานโยธาเสร็จก่อนถึงจะเข้าไปติดตั้งระบบได้ ซึ่งต้องใช้เวลาหนึ่งปีหรือ หนึ่งปีครึ่ง ซึ่งทำให้การเปิดบริการยืดออกไปเป็นปี2562-2563
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน