พูดกันถึงเรื่องของหนี้สิน ที่หลายคนมีหนี้ มีภาระและค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน แต่เมื่อเป็นหนี้แล้ว ก็ต้องชดใช้หนี้ เพราะไม่อย่างนั้นนอกจากจะต้องหมดความสุขในแต่ละวันเพราะมัวแต่เครียดแล้ว ยังไม่มีทางออกที่จะแก้ไขปัญหาหนี้สินด้วย ดังนั้น ต้องหาวิธีรับมือกับหนี้สินในครั้งนี้
ซึ่งจากพฤติกรรมของคนโดยทั่วไปในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำหรือเงินออมไม่พอในการซื้อสินค้าและบริการ ทำให้ต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาจับจ่ายใช้สอยสนองความ ต้องการของตนเองเป็นหลัก โดยคาดหวังว่ารายได้ในอนาคตจะมาช่วยทยอยผ่อนชำระหนี้ได้
แต่สำหรับผู้กู้ที่มีวินัยทางการเงินรู้จักบริหารรายรับรายจ่ายให้มีความเหมาะสม การกู้ยืมนั้นก็มิได้สร้างปัญหาแก่ตนเอง ในทางตรงข้ามกับเป็นการแสดง ถึงเครดิตหรือความสามารถในการจ่ายชำระหนี้ของบุคคลนั้นๆ ด้วย
ขณะที่ ผู้กู้ก่อหนี้และไม่มีการจัดการทางการเงินที่ดี นอกจากจะสร้างปัญหากับตนเอง ยังส่งผลกระทบถึงครอบครัว สังคม และท้ายที่สุดระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดันภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นควบคู่กันไปกับปริมาณหนี้เสียที่เกิดขึ้น
จากข้อมูลสถิติพบว่า ผู้กู้ที่มีปัญหาในการจ่ายชำระหนี้นั้นส่วนใหญ่มีหนี้สินคงค้างกับเจ้าหนี้หลายราย ทำให้มี ภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยและค่าปรับค่อนข้างสูง บางรายถูกติดตามทวงหนี้ และมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันในที่สุด
ด้านหน่วยงานกำกับตรวจสอบสถาบันการเงินในหลายประเทศจึงสนับสนุนให้มีแนวทาง ในการจัดการปัญหาหนี้สินของประชาชน ก่อนที่จะลุกลามเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยการส่งเสริมให้มีการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครบวงจร
คลินิกแก้ไขหนี้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
1) แก้ไขหนี้ค้างชำระที่ลูกหนี้มีทั้งหมด (Corrective measure) โดยให้เจ้าหนี้ร่วมกันปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้
2) ป้องกันไม่ให้ก่อปัญหาหนี้ในอนาคต (Preventive measure)
คลินิกแก้ไขหนี้ จะช่วยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบริหารเงิน การอบรมเพื่อปรับพฤติกรรม การใช้จ่าย การควบคุมการก่อหนี้เพิ่มเติม และนำไปสู่วินัยทางการเงินที่ดีนั่นเอง
ในส่วนของประเทศไทยนั้น ก็ได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2560 เกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาหนี้เช่นกัน ซึ่งทาง ธปท. ได้กำหนดให้มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดตัวโครงการแก้ปัญหาหนี้สินสำหรับรายบุคคล และเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน เช่นหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล โดยการจัดตั้ง บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) เพื่อให้เป็นตัวกลางในการเคลียร์หนี้ เพื่อหาข้อยุติ พร้อมสร้างวินัยการเงิน การบริหารหนี้สินให้ดีขึ้นสำหรับผู้มีหนี้สินทั่วไป
ซึ่งในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ธปท.จะจัดให้มีการลงนามข้อตกลงร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ เบื้องต้นมีจำนวน 17 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารไอซีบีซี ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) ธนาคารธนชาต ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ธนาคารทิสโก้ ธนาคารยูโอบี ซีตี้แบงก์ และ แบงก์ออฟไชน่า
สำหรับคุณสมบัติของลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ
1.ต้องเป็นบุคคลธรรมดาอายุไม่เกิน 65 ปี (ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้)
2.เป็นผู้ที่มีภาระหนี้ค้างชำระกับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 1 แห่ง ก่อนวันที่ 1 พ.ค.2560
3.มูลหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท และต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ประจำ
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงโดยอยู่ที่ 4-7% ส่วนหนี้บัตรเครดิต ต้องเป็นหนี้บัตรที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมในโครงการนี้เท่านั้น ยกเว้นบัตรเครดิตที่ออกโดยบริษัทในเครือของธนาคาร
สำหรับใครที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โครงการแก้ปัญหาหนี้สินสำหรับรายบุคคลนั้น เบื้องต้นสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) โทร. 0-2686-1800 , 0-2620-8999 , 0-2610-2222
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com