จากข้อมูลของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ระบุว่าปัจจุบันไทยมีจำนวนผู้สูงอายุราว 11 ล้านคน หรือประมาณ 16% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าภายในปี 2574 จะเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านคน หรือประมาณ 28% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ
จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) พบว่า ผู้สูงอายุกว่า 90% ต้องการอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองหลังจากที่เกษียณอายุ แต่ด้วยขนาดครัวเรือนที่มีขนาดเล็กลงเหลือเพียง 3 คน เมื่อลูกหลานต้องออกไปทำงานจึงไม่มีเวลาดูแลผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเพียงลำพัง โดยเฉพาะผู้สูงอายุติดบ้านและติดเตียงซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการการดูแลมากที่สุด
โดยในปี 2560 ไทยมีผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงประมาณ 371,978 คน ค่าใช้จ่ายในการดูแล 59,519 ล้านบาท/ปี และอีก 20 ปีข้างหน้า คือในปี 2580 จะเพิ่มเป็น 837,484 คน และค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 199,717 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
Home care ถูกกว่า-ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ
Home care เป็นธุรกิจที่เข้ามาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุในสังคมไทยที่นิยมอยู่บ้านมากกว่าเนื่องจากได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ไม่ต้องปรับตัวมากเมื่อเทียบกับสถานบริบาลผู้สูงอายุ (Nursing home) หรือโรงพยาบาล ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า โดยมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเฉลี่ยราว 3 เท่า และมีค่าบริการต่ำกว่า Nursing home ราว 10%
ธุรกิจ Home care มีแนวโน้มพัฒนารูปแบบการให้บริการที่ครอบคลุมมากกว่าแค่การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ ธุรกิจ Home care ของสหรัฐอเมริกาที่ให้บริการตั้งแต่ให้ความช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวัน การนัดพบแพทย์ การจัดเตรียมยา การบริการที่ใช้ทักษะพยาบาลและการทำกายภาพบำบัด เพื่อป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพ รวมไปถึงการทำงานบ้าน การเตรียมอาหาร และการให้บริการที่ดูแลในด้านจิตใจด้วย โดยจะเป็นในลักษณะของการเป็นเพื่อนผู้สูงอายุ
แม้ว่าตลาด Home care ในไทยจะยังมีขนาดเล็ก โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพียงราว 20% ของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ รองจาก Nursing home แต่ปัจจุบันธุรกิจ Home care เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นและมีแนวโน้มเติบโต สะท้อนได้จากการเติบโตของรายได้ราว 7% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ต่างจาก Nursing home ที่มีอัตราการเติบโตลดลง
ทั้งนี้ การเติบโตของ Home care ยังมีส่วนทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตไปด้วย อาทิ ธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ ธุรกิจปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ และธุรกิจวัสดุก่อสร้าง
Home care กับอสังหาฯ ไทย ไปด้วยกันได้
กลุ่มผู้สูงอายุแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มที่อยู่ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพา สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ และไม่ต้องจำกัดพื้นที่ 2.กลุ่มที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นในการทำกิจวัตรประจำวัน และต้องจำกัดพื้นที่การอยู่อาศัย โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดจะเป็นกลุ่มที่อยู่ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพา ซึ่งรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนามาเพื่อรองรับคนกลุ่มนี้คือ กลุ่มที่ปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิมให้รองรับกับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ กลุ่มที่ให้บริการดูแลระยะสั้นหรือระหว่างวัน และกลุ่มที่สร้างที่อยู่อาศัยเป็นชุมชนผู้สูงอายุ ซึ่งมีความต้องการสูงถึงประมาณ 85-95% ของตลาดรวม
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายเข้ามาให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ทั้งการพัฒนาฟังก์ชั่นบ้านให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ และการสร้างชุมชนสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ซึ่งผนวกรวมการดูแลสุขภาพเข้าไปด้วย อาทิ ณุศาศิริ, บิวเดอสมาร์ท, ธารารมณ์, เอสซี แอสเสท และแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
นอกจากนี้ ด้วยนโยบายของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Medical and Wellness Tourism จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติในวัยเกษียณด้วย จากสถิติการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว ประเภทใช้ชีวิตบั้นปลาย (ผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป) ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือที่เรียกว่า Long Stay Visa พบว่า มีชาวต่างชาติที่ขอวีซ่าประเภทนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 36,253 ราย ในปี 2554 เป็น 46,642 ราย ในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้น 30% โดยจังหวัดที่กลุ่มผู้สูงอายุชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาพัก ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา นครราชสีมา (เขาใหญ่) และหัวหิน ชะอำ ประกอบกับเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทย สำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว Long Stay Visa จาก 1 ปี เป็น 10 ปี ให้กับชาวอังกฤษ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย นอร์เวย์ จีน สวีเดน เนเธอร์แลนด์ อินเดีย อิตาลี แคนาดา และไต้หวัน ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีเงินฝากในบัญชี 3 ล้านบาทขึ้นไป ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กับ Home care ในไทยมีโอกาสเติบโตขึ้นได้อีกมาก
จะเห็นได้ว่า Home care คือสิ่งจำเป็นสำหรับไทยในการดูแลผู้สูงอายุที่มีมากขึ้นในแต่ละปี เป็นทั้งการลดค่าใช้จ่ายและการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุ รวมทั้งยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้อีกด้วย
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน