SENA ร่วมทุนฮันคิว เรียลตี้ผุดคอนโดฯแนวรถไฟฟ้า พร้อมดึงประสบการณ์ “Geo fit” ของญี่ปุ่นผุด 2 คอนโดใหม่ บนทำเลเตาปูน-สุขุมวิท 70 มูลค่า 7 พันล้าน
นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ SENA กล่าวหลังจากได้ลงนามในสัญญาร่วมทุน (Joint Venture Agreement) กับบริษัท ฮันคิว เรียลตี้ จากญี่ปุ่น ก็พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน โดยจะโฟกัสพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งปีนี้มีแผนเปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเทอเชนจ์ และล่าสุดที่จะเซ็นสัญญาร่วมลงทุนในโครงการ “นิช โมโน สุขุมวิท 70″
นับว่าเป็นโครงการที่สองที่ ฮันคิว เรียลตี้ ได้ให้ความไว้วางใจร่วมทุนกับบริษัท จากโครงการแรก คือ นิชไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ ที่ได้ลงนามร่วมทุนกันไปเมื่อเดือน ธันวาคม 2559 และในครั้งนี้เป็นต่อยอดเดินหน้าร่วมทุนเป็นโครงการที่ 2 แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ดีร่วมกันในครั้งแรก ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีการร่วมทุนเพิ่มขึ้นเป็นโครงการที่ 3 ที่ 4 ต่อไป ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
สำหรับโครงการ นิช โมโน สุขุมวิท 70 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับสูง (High-Rise) ที่มีจำนวนยูนิตมากกว่า 1,270 ยูนิต และตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีแบริ่งเพียง 250 เมตร โดยสถานีแบริ่งเป็นสถานีที่สะดวกสบายในการเชื่อมต่อกับสถานีอโศกซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของกรุงเทพฯ นอกจากนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวยังเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ ซึ่งเป็นเส้นทางไปสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิอีกด้วย
โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ เสนา ฮันคิว ดำเนินการร่วมกันนั้น เกิดขึ้นภายใต้แนวความคิดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “Geo Fit” ซึ่งใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง สามารถนำมาใช้กับการสร้างอยู่อาศัยอย่างยอดเยี่ยม ได้แก่ Japanese Functionality คือ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ , Japanese Innovation นวัตกรรมแนวคิดใหม่ๆ ที่คิดออกมา เพื่อการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ และ Japanese Design กลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นในการออกแบบ
นางเกษรา กล่าวอีกว่า บริษัทเปิดตัวการทำ Branding ของ Geo Fit จากฮันคิว ซึ่งจะเป็น Branding ในลักษณะ Trustmark หรือการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความชำนาญพิเศษในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ เหมือนกับตราประทับรับรองในคุณภาพของสินค้าและตราประทับ Geo Fit จากฮันคิวนี้ จะอยู่ร่วมกับทุกโครงการที่ เสนา ฮันคิว ทำร่วมกัน และจะถูกใช้ในการสื่อสารการตลาด และแม้แต่ประกอบอยู่ในส่วนต่างๆของโครงการหรือองค์ประกอบในห้อง ที่พัฒนาขึ้นมาภายใต้แนวคิดนี้
นายริวอิจิ โมโรโทมิ ประธาน บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีประวัติการดำเนินงานในนามกลุ่มบริษัทฮันคิว มายาวนานกว่า 100 ปี โดยธุรกิจหลักคือการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟที่ดำเนินการโดยบริษัทฮันคิว โดยกลุ่มบริษัทฮันคิว มีแนวคิดในการทำงานที่ว่า
“ใส่ใจต่อการบริการลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง”
ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินงานทางบริษัทได้เพิ่มความรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่และจากประวัติการดำเนินงานทางบริษัทมีผลงานในการก่อสร้างบ้านพักที่อยู่อาศัยกว่า 60,000 ยูนิต คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “จีโอ” กว่า 20,000 ยูนิต
ด้านนางสาวอริกา บุญรอดชู ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ว่า ทางบริษัทจะมีการเร่งทยอยเปิดโครงการใหม่ๆ เพิ่มอีก ราว 7 โครงการ จากเป้าหมายทั้งปี 10 โครงการ โดยที่ผ่านมาก็ได้มีการเปิดตัวโครงการไปแล้ว 3 โครงการ ขณะที่ไตรมาส 4/60 จะไม่มีการเปิดตัวโครงการใดๆ เนื่องจากเป็นช่วงของการไว้อาลัย ซึ่งเรายังคงมั่นใจว่าทั้งปียอดขายและยอดโอนน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอโอนอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 280 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2,700 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 2,700 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ เตรียมจับมือร่วมกับธนาคารพาณิชย์จัดทำแคมเปญในการให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อระบายสต็อกในมือ โดยปัจจุบันมีสต็อกเหลือขาย มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดโครงการได้ราว 3-4 โครงการในปีนี้
อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเปิดราว 10 โครงการ มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท โดยได้เปิดตัวโครงการไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา 3 โครงการ และในไตรมาส 2/60 และไตรมาส 3/60 บริษัทฯ เตรียมทยอยเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีกราว 7 โครงการ มูลค่า 7,340 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ Sena Avenue Lamlukka Klong 2 มูลค่า 150 ล้านบาท ,โครงการ Sena Avenue Bangkae Shop House มูลค่า 390 ล้านบาท ,โครงการ Niche ID @ Pakkred Station มูลค่า 1,400 ล้านบาท ,โครงการ The Kith Plus Lamlukka Klong 2 Phase 1 มูลค่า 600 ล้านบาท ,โครงการ Niche ID Bangkae Phase 2 มูลค่า 700 ล้านบาท ,โครงการ Niche Sukhumvit 70 มูลค่า 3,400 ล้านบาท และ โครงการ Niche Eco Town Km.9 มูลค่า 700 ล้านบาท
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com
