หลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 เพื่อรวบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. กับกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต หรือ กรอ. เข้าด้วยกัน โดยกฎหมายฉบับใหม่ จะมีผลบังคับใช้วันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ซึ่งทางนายจ้าง สามารถหักเงินจากรายได้ของลูกจ้างที่เป็นลูกหนี้ในกองทุน กยศ.เช่นเดียวกับการหักภาษีของกรมสรรพากรในแต่ละเดือน
สำหรับปัญหาหนี้ค้างชำระของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ปัจจุบันมีมากถึง 6 หมื่นล้านบาท ทำให้ กยศ.ได้ประสานข้อมูลกับนายจ้างในหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชนเพื่อขอหักเงินจากบัญชีเงินเดือนลูกหนี้
ด้านนายปรเมศวร์ สังข์เอี่ยม ผู้อำนวยการฝ่ายคดีและบังคับคดี กยศ. ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลของลูกหนี้ กยศ. ที่มีอยู่ทั้งหมด 4 ล้าน 8 แสนคน พร้อมประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งราชการและบริษัทเอกชน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กรมสรรพากร เพื่อดูข้อมูลที่อยู่ สถานที่ทำงาน รายได้ เพื่อทำเรื่องหักบัญชีเงินเดือนของลูกจ้างนำส่งคืนกองทุนกยศ.
เบื้องต้นจะเริ่มหักรายได้ลูกหนี้ กยศ. ที่เป็นข้าราชการก่อนซึ่งมีประมาณ 100-200 หน่วยงาน โดยมีข้าราชการที่เป็นลูกหนี้ กยศ.และค้างชำระหนี้ ทั้งสิ้น 2 แสนราย มูลหนี้ 8 หมื่นล้านบาท จากนั้น จะทยอยประสานบริษัทเอกชน เพื่อหักรายได้ของลูกจ้าง โดยมั่นใจว่า จะช่วยลดยอดหนี้ค้างชำระได้ ประมาณ 53% ของจำนวนลูกหนี้ค้างชำระทั้งหมด 1 ล้าน 9 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้ 62,000 ล้านบาท
ส่วนแนวทางการดึงลูกหนี้ กยศ.เข้าสู่ระบบเครดิตบูโร อยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลให้ถูกต้องที่สุด คาดว่าจะเริ่มดึงลูกหนี้กยศ.เข้าสู่เครดิตบูโรได้ในปี 2563 จากเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2561
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กองบรรณาธิการ DDproperty.com