ต้นทุนสูง ค่าไฟจ่อขึ้น! งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 60

13 ก.ค. 2560

ต้นทุนสูง ค่าไฟจ่อขึ้นงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 60

 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟที งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 ที่ -15.90 สตางค์/หน่วย ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 8.87 สตางค์/หน่วย ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ในการพิจารณาค่าเอฟทีครั้งก่อน ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้จากภาวะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.5966 บาท/หน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ไฟฟ้าพลังน้ำ-ถ่านหินลด ราคาก๊าซพุ่ง ทำต้นทุนสูง
สาเหตุหลักของการปรับขึ้นค่าเอฟทีครั้งนี้ มาจากสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ลดลงตามฤดูกาล และการใช้ถ่านหินที่ลดลงจากการหยุดบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าตามแผนในช่วงฤดูหนาวที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งปรับตัวสูงขึ้น โดยเป็นผลมาจากสัดส่วน LNG ที่เริ่มสูงขึ้น จากราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่วนที่สูงกว่าประมาณการในรอบที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันสะสมเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้า ได้แก่
1. อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2560 (ปรับปรุงค่าจริงเดือนพฤษภาคม 2560) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 34.31 บาท/ดอลล่าสหรัฐฯ เป็น 34.19 บาท/ดอลล่าสหรัฐฯ หรือแข็งค่าขึ้น 0.12 บาท/ดอลล่าสหรัฐฯ ตามอัตราแลกเปลี่ยนขายถัวเฉลี่ยของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกิดขึ้นจริงเฉลี่ยวันที่ 1-16 มิถุนายน 2560
2. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 เท่ากับ 61,420 ล้านหน่วย ปรับตัวลดลงจากช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2560 เท่ากับ 4,067 ล้านหน่วย คิดเป็น -6.21%
3. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 63.64% รองลงมาเป็นการรับซื้อไฟฟ้าจากลาว 12.63% ลิกไนต์ 9.14% และถ่านหินนำเข้า 7%
4. แนวโน้มราคาเชื้อเพลิง คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติรวมค่าผ่านท่อและค่าดำเนินการของโรงไฟฟ้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และโรงไฟฟ้าเอกชน 245.64 บาท/ล้านบีทียู ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา 3.80 บาท/ล้านบีทียู สำหรับราคาน้ำมันเตาคงที่อยู่ที่ 13.27 บาท/ลิตร ส่วนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 20.04 บาท/ลิตร ลดลงจากงวดปัจจุบันที่ปรับปรุงค่าจริงเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งอยู่ที่ 21.18 บาท/ลิตร เท่ากับ 1.14 บาท/ลิตร ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนอยู่ที่ 2,108.45 บาท/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 2,178.64 บาท/ตันในงวดปัจจุบันที่ปรับปรุงค่าจริงเดือนพฤษภาคม 2560 แล้ว เท่ากับ 70.19 บาท/ตัน และราคาลิกไนต์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตอยู่ที่ 693 บาท/ตัน ไม่เปลี่ยนแปลง

สำหรับค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามนโยบายของภาครัฐในส่วน Adder หรือการรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนจากบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนในราคาพิเศษ และ Feed-in-Tariff (FiT) หรือการรับซื้อไฟฟ้าที่คำนวณจากต้นทุนจริง ในเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14,312.97 ล้านบาท ในประมาณการงวดปัจจุบัน ปรับปรุงค่าจริงเดือนพฤษภาคม 2560 มาอยู่ที่ 14,497.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 184.10 ล้านบาท ประกอบกับประมาณการจำนวนหน่วยไฟฟ้าในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 จะลดต่ำลงจากช่วงปัจจุบัน ดังนั้น เมื่อเทียบเป็นอัตราต่อหน่วยแล้วจะทำให้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 ซึ่งอยู่ที่ 25.81 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2560 ที่ปรับปรุงค่าจริงเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งอยู่ที่ 23.81 สตางค์/หน่วย เท่ากับ 2.00 สตางค์/หน่วย

ไฟฟ้าพลังน้ำ-ถ่านหินลด ราคาก๊าซพุ่ง ทำต้นทุนสูง

เมื่อต้นทุนสูง ค่าไฟจ่อขึ้น

เตรียมรับฟังความคิดเห็นประชาชนถึง 26 ก.ค. นี้
จากการปรับค่าเอฟทีเรียกเก็บงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.5966 บาท/หน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยจะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันนี้-26 กรกฎาคม 2560 เวลา 12.00 น. ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟทีสำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป

แนวโน้มค่าไฟปรับขึ้นถึงปีหน้า
สำหรับค่าเอฟทีงวดถัดไปในเดือนมกราคม-เมษายน 2561 อาจจะขยับขึ้นอีกราว 12-13 สตางค์/หน่วย หากปัจจัยพื้นฐานยังคงเดิม ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ายังมีแนวโน้มเป็นช่วงขาขึ้น สะท้อนจากราคาน้ำมันย้อนหลังช่วง 6-8 เดือนก่อนหน้าที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงยังสะท้อนการใช้เชื้อเพลิงที่แพงขึ้นในการผลิตไฟฟ้าจากการหยุดผลิตและจ่ายก๊าซธรรมชาติกะทันหันของแหล่งก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย อย่างไรก็ตามหากค่าเงินบาทในงวดดังกล่าวแข็งค่าขึ้นจากปัจจุบันก็อาจจะช่วยลดผลกระทบการปรับขึ้นค่าเอฟทีดังกล่าวได้ด้วย โดยทุก ๆ การแข็งค่า 1 บาทต่อดอลล่าสหรัฐฯ จะทำให้เอฟทีลดลงได้ 5-6 สตางค์/หน่วย

การปรับค่าเอฟทีในครั้งนี้แน่นอนว่ากระทบต่อประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าตามบ้านเรือนที่ต้องรับภาระค่าไฟที่สูงขึ้น แต่ในส่วนของภาคเอกชนนั้นคงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะอัตราสุทธิค่าเอฟทีปัจจุบันยังคงติดลบอยู่ ซึ่งต่ำกว่าที่ผ่านมาที่เคยเพิ่มขึ้นไปมากกว่า 1 บาท/หน่วย

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน  

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

6 กันยานี้ ลูกหนี้เตรียมเฮ! เงินเดือนไม่ถึง 2 หมื่น ไม่ถูกยึดใช้หนี้

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศพระราชบัญญัติแ

อ่านต่อ11 ก.ค. 2560

ธปท. กำหนดเพดานสินเชื่อใหม่ รายได้ไม่เกิน 3 หมื่น ได้ 1.5 เท่า

 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวคิดที่จะวางกรอบการปล่อยสินเชื่อส่วนบ

อ่านต่อ12 ก.ค. 2560