“กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลงทุนที่ควรมีไว้ในพอร์ตการลงทุน เพราะมีโอกาสสร้างกระแสเงินสดให้ผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ”
ในช่วงนี้ หลายท่านคงได้ยินข่าวที่ภาครัฐจะเสนอขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้อาจสงสัยว่า กองทุนประเภทนี้เป็นอย่างไร ผลตอบแทนและความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน วันนี้ K-Expert จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานคืออะไร
จริงๆ แล้วกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund: IFF) ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับนักลงทุน เพราะจัดตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 โดยมีนโยบายลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐาน 10 ประเภท เช่น ระบบขนส่งทางราง ถนน สนามบิน โทรคมนาคม พลังงานทางเลือก จึงเป็นการลงทุนที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับรายได้ที่สม่ำเสมอ
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมีลักษณะการลงทุน 3 แบบคือ (1) เจ้าของสินทรัพย์ (Freehold) (2) สิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) และ (3) สัญญาการแบ่งรายได้ตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้
กรณีที่เป็นสิทธิการเช่าระยะยาวและสัญญาการแบ่งรายได้ มูลค่าของหน่วยลงทุนของกองทุนฯ จะลดลงไปเรื่อยๆ (การลดทุน) จนถึงศูนย์ในวันสิ้นสุดสัญญาเช่าหรือสัญญาแบ่งรายได้ ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ซึ่งลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้ากับบริษัทอมตะ บี. กริม เพาเวอร์ 1 จำกัด (บี.กริม 1) และบริษัทอมตะ บี. กริม เพาเวอร์ 2 จำกัด (บี.กริม 2) โดยเมื่อสัญญาโอนผลประโยชน์สิ้นสุด กองทุนฯ ก็จะปิดตัวลง
ปัจจุบันกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยที่สามารถลงทุนได้มี 5 กองทุน ซึ่งอยู่ในธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโทรคมนาคม ระบบขนส่งทางราง และโรงไฟฟ้า มีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 2 แสนล้านบาท โดยจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ดังนั้นหากสนใจลงทุน ก็ต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์เสียก่อน จึงจะลงทุน IFF ได้
ผลตอบแทนของกองทุนฯ มาจากไหน
จุดเด่นของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานคือ เป็นการลงทุนในธุรกิจที่มีรายได้สม่ำเสมอ โดยกองทุนฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิ และต้องจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่ง IFF ที่สามารถลงทุนได้ในปัจจุบัน มีนโยบายจ่ายเงินปันผลทุก 3 หรือ 6 เดือน ทั้งนี้ เงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานนั้น บุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นภาษีเงินปันผลเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่จดทะเบียนกองทุน ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับเงินปันผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมีอัตราการจ่ายเงินปันผลประมาณ 5-10% ต่อปี
นอกจากนี้ จากการที่กองทุนฯ จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนจึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากกำไรจากส่วนต่างของราคากองทุนฯ อีกทางหนึ่งด้วย
IFF ลงทุนง่าย และเสี่ยงน้อย จริงหรือไม่
แม้ว่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมีโอกาสจ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร แต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงตามมาด้วยเสมอ อย่ามองเพียงผลตอบแทนจนมองข้ามความเสี่ยงของการลงทุนประเภทนี้ โดยสิ่งที่ผู้ลงทุนควรระมัดระวังมี 3 ข้อหลักๆ คือ
1. ความผันผวนของราคากองทุนฯ จากการที่กองทุนฯ จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ราคาของกองทุนฯ มีความผันผวนตามความต้องการซื้อขายของนักลงทุน ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ทำให้การลงทุนตราสารหนี้มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงขึ้น ความน่าสนใจของ IFF จึงลดลง ราคาของกองทุนฯ จึงปรับตัวลดลงมาได้
2. การจ่ายเงินปันผลไม่คงที่ ปัจจัยหลักที่หลายคนลงทุน IFF เพราะคิดว่า จะได้รับเงินปันผลในอัตราที่สูง แต่จริงๆ แล้ว เงินปันผลของกองทุนฯ ขึ้นอยู่กับกำไร ดังนั้นหากธุรกิจที่ลงทุนมีผลกำไรที่ลดน้อยลง ก็จะมีผลให้เงินปันผลที่ผู้จะลงทุนได้รับลดลงตามไปด้วย เช่น ปีก่อนเคยได้เงินปันผล 1 บาท หากปีนี้กำไรของกองทุนฯ ลดลง ก็มีโอกาสทำให้เงินปันผลลดลงมาน้อยกว่า 1 บาทได้
3. การลดทุน จาก IFF ที่มีในปัจจุบัน 5 กองทุน มีถึง 4 กองทุนที่มีการลดทุนลงมา เนื่องจากกองทุนเหล่านี้มีการกำหนดอายุของสัมปทานหรือการโอนผลประโยชน์ เงินปันผลที่กองทุนจ่ายออกมาจึงมีส่วนของการลดทุนคืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนด้วย ดังนั้นเมื่อได้รับเงินปันผล ผู้ลงทุนควรพิจารณาว่า ส่วนใดเป็นเงินปันผลที่มาจากกำไรของ IFF และส่วนใดที่เป็นเงินลดทุน เพื่อให้สามารถคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างถูกต้อง
IFF น่าลงทุนหรือไม่
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลงทุนที่ควรมีไว้ในพอร์ตการลงทุนในฐานะที่เป็นการลงทุนที่มีโอกาสสร้างกระแสเงินสดให้ผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างถ้าใครที่มีการลงทุนแบบจัดพอร์ตการลงทุน IFF ก็สามารถเป็นการลงทุนที่มีไว้ในพอร์ตการลงทุนหลักเพื่อการลงทุนระยะยาวได้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนก็ต้องไม่ลืมที่จะติดตามรายได้และกำไรของ IFF ที่ตนเองลงทุนว่าเป็นอย่างไร เพราะหากกำไรปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลกระทบกับเงินปันผลที่จะได้รับในอนาคตได้
ก่อนตัดสินใจลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เราควรศึกษาว่า กองทุนฯ นั้นมีนโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร รายได้และกำไรมีแนวโน้มเติบโตหรือไม่ และเมื่อลงทุนไปแล้ว ต้องไม่ลืมที่จะติดตามผลประกอบการของกองทุนฯ เพียงเท่านี้ เราก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนกันแล้ว
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย ปานตา ฉัตรมาศ CFP® K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com