“สาววัย 30 ควรเริ่มต้นจัดการเงินทอง โดยออมก่อนใช้ 20% ของรายได้ เลือกใช้เครื่องมือลดหย่อนภาษีที่สนใจ และออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ”
ยามที่ผู้หญิงอายุก้าวเข้าสู่วัย 30 มักพบกับความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งในเรื่องของผิวพรรณที่เริ่มมีริ้วรอย สุขภาพที่ไม่แข็งแรงเหมือนช่วงวัย 20 รวมทั้งเรื่องของการเงินก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน เนื่องจากในวัยนี้ หลายคนเริ่มมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่ารักษาพยาบาลของพ่อแม่ การวางแผนการเงินจึงมีความสำคัญมากขึ้น จะใช้เงินแบบเดือนชนเดือนเหมือนช่วงวัย 20 คงจะไม่เหมาะแน่ๆ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย มีคำแนะนำในการจัดการเงินทองแบบง่ายๆ สำหรับสาววัย 30 มาฝากกัน
ออมก่อนใช้อย่างน้อย 20% ของรายได้
สำหรับผู้หญิงที่อายุก้าวเข้าสู่เลข 3 การออมเงินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเป้าหมายแรกในการออมเงินคือ การออมเงินสำรองไว้ใช้เผื่อฉุกเฉิน เช่น การเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ ทั้งของตนเองและครอบครัว เนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้มักเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้ตั้งตัว จึงควรออมเงินให้ได้เท่ากับค่าใช้จ่าย 6 เดือน เช่น หากมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท ก็ควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินเท่ากับ 120,000 บาท
เมื่อออมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินจนครบแล้ว ค่อยนำเงินออมส่วนที่เหลือไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อเป้าหมายทางการเงินอื่นๆ เช่น ดาวน์บ้าน ผ่อนรถ เที่ยวต่างประเทศ หรือวางแผนเก็บเงินใช้ยามเกษียณอายุ เป็นต้น
แต่ถ้าเงินดาวน์ไม่พร้อมต้องทำอย่างไร มีคำตอบ!
สำหรับการออมเงินนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เริ่มเพียงเดือนละ 20% ของรายได้ โดยหักเงินไว้ออมก่อนใช้ ไม่ใช่เหลือแล้วค่อยออม และควรออมแยกจากบัญชีที่ใช้จ่ายรายเดือน เพื่อกันเงินออมส่วนนี้ออกไปจากเงินใช้จ่ายรายเดือนอย่างชัดเจน โดยสามารถออมเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจำ หรือ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
วางแผนภาษี
สาวๆ วัย 30 หลายคนเริ่มมีรายได้มากขึ้น รวมทั้งภาระภาษีที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งการวางแผนภาษีเป็นวิธีที่ช่วยให้เราจ่ายภาษีน้อยลง โดยเครื่องมือในการลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจมีดังนี้
1. กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนประเภทนี้เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น เหมาะกับสาวๆ ที่รับความเสี่ยงได้สูง หากลงทุนในปีไหน ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนั้นเพียงปีเดียว และไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่อง โดยต้องถือครองกองทุน LTF อย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน จึงจะขายคืนได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข เช่น ซื้อกองทุน LTF ในปี 2561 เป็นเงิน 100,000 บาท จะสามารถนำยอดเงินลงทุน 100,000 บาท ไปลดหย่อนภาษีปี 2561 และขายกองทุนได้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
2. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนประเภทนี้มีหลายนโยบายการลงทุนให้เลือก ตั้งแต่พันธบัตร หุ้นกู้ หุ้น หรือทองคำ เป้าหมายของกองทุน RMF คือเป็นแหล่งเงินออมเพื่อใช้ยามเกษียณ ดังนั้น หากซื้อกองทุนประเภทนี้แล้ว ต้องซื้อทุกปีอย่างน้อย 5 ปีเต็ม ต่อเนื่องถึงอายุ 55 ปี จึงจะขายกองทุนได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข สำหรับสาววัย 30 นับว่าอายุยังน้อย สามารถรับความเสี่ยงได้สูง ขอแนะนำให้ลงทุนในกองทุน RMF ที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ
3. ประกันชีวิต ประกันชีวิตไม่ได้มีประโยชน์ในแง่ความคุ้มครองชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเก็บเงิน อีกทั้ง เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดยสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไปมาลดหย่อนภาษีได้ปีละไม่เกิน 100,000 บาท นอกจากนี้ ประกันชีวิตแบบบำนาญเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการลดหย่อนภาษี นอกจากจะให้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังช่วยให้มีเงินไว้ใช้จ่ายในช่วงเกษียณอายุอีกด้วย โดยค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ปีละไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
รวบรวมบทความเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ออมเงินเพื่อยามเกษียณ
เมื่อพูดถึงคำว่า “เกษียณอายุ” สาวๆ หลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะหวังว่าเมื่อตนเองแก่ตัวลง สามีและลูกจะเป็นผู้เลี้ยงดู และกว่าจะเกษียณอายุก็ใช้เวลานานถึง 20-30 ปี จึงคิดว่ายังไม่ต้องรีบเตรียมตัว แต่คำว่า “ออมก่อน รวยกว่า” ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ส่วนเครื่องมือในการออมเงินเพื่อเกษียณมีหลายรูปแบบ ทั้งการลงทุนด้วยตนเองในพันธบัตร หุ้น ทองคำ หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวม เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนหุ้น กองทุนผสม รวมทั้งประกันชีวิต โดยควรเลือกลงทุนให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ หากใครโชคดีมีสามีและลูกคอยดูแลช่วงที่คุณเกษียณอายุ คุณก็สามารถนำเงินก้อนที่เก็บออมได้ ไปใช้ท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมที่ชอบได้อย่างสบายๆ ในช่วงเกษียณอายุ
แม้ว่าเมื่อก้าวเข้าสู่วัย 30 สาวๆ จะพบการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน รวมทั้งด้านการเงิน แต่หากรู้จักวิธีการบริหารอย่างชาญฉลาดและเป็นระบบก็สามารถรับมือกับเรื่องการเงินได้ง่ายๆ สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะออมหรือลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใด อย่าลืมศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ที่สนใจ รวมทั้งติดตามว่ากองทุนที่คุณลงทุนมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุน และรับผลตอบแทนที่ดีได้
ในทางกลับกันวิธีที่จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินให้คุณมีสภาพคล่องทางการเงินและมั่งคั่งในอนาคตได้อีกช่องทาง คือ การลงทุนอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด บ้าน คอนโดฯ ทาวน์โฮม-ทาวน์เฮ้าส์ แต่ก่อนจะลงทุนอย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดี ติดตามสภาพตลาดอสังหาฯ อย่างใกล้ชิด ได้จากรายงาน DDproperty Market Outlook และ
เจาะลึกแนวโน้มที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ จากรายงาน DDproperty Property Index ทุกฉบับ
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย ปานตา ฉัตรมาศ CFP® K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com