Co-working Space เมกะเทรนด์ของคนเมือง

23 พ.ย. 2561

ธุรกิจให้เช่าที่นั่งทำงานร่วม หรือที่รู้จักกันดีว่า “Co-working Space” ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเริ่มเห็นภาพผู้ประกอบการ Co-working Space แบรนด์ต่างประเทศทั้งระดับภูมิภาค และระดับโลก ทยอยเข้ามาเปิดและขยายสาขาในกรุงเทพฯ มากขึ้น รวมแล้วกว่า 23,000 ตารางเมตร และมีแนวโน้มจะเติบโตสูงขึ้นในอนาคต >>รวมโครงการที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์

จ่อเปิด Co-working Space รวม 30,000 ตร.ม.

จากรายงานของเจแอลแอล พบว่า Co-working Space แบรนด์ต่างประเทศในกรุงเทพฯ ปัจจุบันมีขนาดอยู่ระหว่าง 1,000-3,400 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานเกรดเอใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS หรือใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้บางรายยังรุกขยายธุรกิจเพิ่ม โดยมีการเช่าพื้นที่สำนักงานเพื่อเตรียมเปิดสาขาใหม่ในปีหน้าคิดเป็นพื้นที่รวมกันอีกกว่า 30,000 ตารางเมตร

Co-working Space ในเอเชียโตแซงอเมริกา-ยุโรป

จำนวน Co-working space และเซอร์วิสออฟฟิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 40% มีปริมาณพื้นที่รวม 2% ของปริมาณพื้นที่สำนักงานที่มีอยู่ทั้งหมด จากเพียง 0.5-1% ในปี 2558 แนวโน้มเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นในเอเชียแปซิฟิก โดยในช่วงระหว่างปี 2557-2560 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 35.7% สูงกว่าอเมริกาและยุโรปที่มีการขยายตัวในอัตรา 25.7% และ 21.6% ตามลำดับ

Young coworkers in creative trendy office

เมกะเทรนด์ของคนรุ่นใหม่หนุน Co-working Space

ด้าน นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ล่าสุดขยายไลน์ธุรกิจใหม่เปิด Co-working Space เต็มรูปแบบ กล่าวว่า เทรนด์ Co-working Space ในปัจจุบัน มีปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ

  1. เมกะเทรนด์ที่ไลฟ์สไตล์การทำงานของผู้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีและความยืดหยุ่น โดยต้องการพื้นที่ทำงานที่มีความเป็น Collaborative Workspace รวมถึงการลดต้นทุนทางธุรกิจทำให้รูปแบบการทำงานของผู้ประกอบการ และบริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลกจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยคาดว่าตลาด Co-working Space ในเอเชีย จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 30% ในปี 2573 จากปัจจุบันที่มีตลาดอยู่ที่ 2%
  2. อัตราการเติบโตของตัวเลขเอสเอ็มอีในประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง 8-10% ต่อปี มากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยกว่า 1 ใน 6 มีธุรกิจอยู่ในกรุงเทพฯ หรือคิดเป็นกว่า 500,000 ราย โดยเอสเอ็มอีเหล่านี้ ล้วนแต่มองหาสถานที่ทำงานในทำเลที่ดี แต่การเข้าถึงออฟฟิศให้เช่าเกรดเอในกรุงเทพฯ เป็นไปได้ยากและมีราคาสูง เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ ๆ ที่ต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย

>>>เจาะลึกแนวโน้มที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ รอบล่าสุด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในระยะแรกเริ่ม Co-working Space จะจับกลุ่มลูกค้าผู้ใช้บริการที่เป็นฟรีแลนซ์และธุรกิจสตาร์ทอัพขนาดเล็ก รวมถึงบริษัทที่ต้องการใช้ Co-working Space เป็นสถานที่ทำงานเสริม แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นภาพการขยายมาจับกลุ่มลูกค้าระดับบริษัท/องค์กรเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีการผูกมัดด้วยสัญญาเช่ายาวเหมือนการเช่าสำนักงานปกติทั่วไป

นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการในรูปแบบของการสมัครสมาชิก ซึ่งทำให้บริษัทที่ใช้บริการสามารถปรับเพิ่มหรือลดปริมาณจำนวนที่นั่งที่ต้องการใช้ได้ตามความจำเป็นในกรณีที่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนพนักงาน อีกทั้งยังมีความเหมาะสมสำหรับเช่าใช้เป็นที่ทำงานให้กับพนักงานที่ไม่จำเป็นต้องนั่งทำงานประจำในออฟฟิศ อาทิ ทีมงานฝ่ายขาย หรือทีมงานที่ดูแลงานเป็นรายโปรเจกต์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ Co-working Space มีบทบาทเพิ่มขึ้นในอนาคต

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

5 ข้อดีของการทำงานใน Co-working Space

Co-working Space พื้นที่ทำงานยุคใหม่ ที่ฉีกกฎไปจากออฟฟิศรูปแบบเดิม ๆ ตอบโจทย์ไลฟ

อ่านต่อ7 พ.ย. 2561