[บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ] ยังคงเป็นทำเลสุดร้อนแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับบริเวณพหลโยธินตอนกลาง โดยเฉพาะช่วงห้าแยกลาดพร้าวถึงบริเวณรัชโยธิน ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) บริเวณดังกล่าวก็ขยายตัวค่อนข้างมาก และถือว่าเป็นพื้นที่ Prime Area แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ แวดล้อมไปด้วยกลุ่มอาคารสำนักงานทั้งของภาครัฐและเอกชน มีศูนย์การค้าชั้นนำอย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว เมเจอร์ รัชโยธินเป็นแม่เหล็กสำคัญในด้านการช้อปปิ้ง รวมถึง มีมหาวิทยาลัยชื่อดังของภาครัฐ ซึ่งทุกปัจจัยมีผลทำให้ย่านมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจัยเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ที่เริ่มก่อสร้างไปแล้ว ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เสริมให้พหลโยธินตอนกลาง ช่วงห้าแยกลาดพร้าวถึงบริเวณรัชโยธิน ยิ่งกลายเป็น Prime Area มากยิ่งขึ้น และได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการที่จะเข้ามาปักธงพัฒนาคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้าเส้นทางนี้ เพราะเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมือง สยาม สุขุมวิท สีลม สาทรได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟฟ้า จึงเป็นรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเส้นทางที่มีศักยภาพมาก
หากประเมินจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่มีระยะทางประมาณ 19 กิโลเมตร มีสถานียกระดับจำนวน 16 สถานี เริ่มต้นจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีหมอชิต ข้ามทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ผ่านแยกรัชโยธิน แยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปจนถึงบริเวณแยกหลักสี่ ไปสะพานใหม่หน้าตลาดยิ่งเจริญ และสิ้นสุดที่บริเวณคลองสอง (บริเวณสถานีคูคต) จะเห็นว่า บริเวณเกาะแนวรถไฟฟ้าที่ถือว่าเป็น Prime Area มากๆ จะมีด้วยกัน 4 สถานีหลักๆ คือ สถานีห้าแยกลาดพร้าว สถานีพหลโยธิน 24 สถานีรัชโยธิน และสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่มีแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งการศึกษาชั้นนำ และยังมีที่ดินฟรีโฮลด์ (ซื้อขายเปลี่ยนมือได้) ของภาคเอกชนอยู่ ส่วนสถานีถัดจากนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินของหน่วยงานรัฐ
สำหรับบริเวณห้าแยกลาดพร้าวถึงแยกรัชโยธิน ปัจจุบันหาที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ค่อนข้างยาก แต่หากมีโครงการเกิดใหม่บริเวณนี้ก็จะได้รับความสนใจจากทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุนและอยู่เอง เพราะเป็นบริเวณที่ใกล้ทุกสิ่งอำนวยความสะดวก ครบทุกองค์ประกอบการใช้ชีวิต ทำให้มีโอกาสในการลงทุนสูง ซึ่งปีนี้พื้นที่ที่มีแนวโน้มว่าจะมาแรงสุดในกลุ่ม Prime Area ของแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย จะเป็นพื้นที่รอบรัศมีแยกรัชโยธิน เพราะเริ่มมีที่ดินของภาคเอกชนปล่อยเข้าสู่ตลาด ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาโครงการใหม่ๆ บนพื้นที่นี้อย่างน่าสนใจ
บริเวณแยกรัชโยธิน นอกจากจะมีสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สถานีรัชโยธินเป็นจุดเด่นสำคัญแล้ว ยังเป็นแยกที่เชื่อมต่อไปยังถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว ถนนวิภาวดี-รังสิต ใกล้ทางด่วนศรีรัช สามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ทั้งการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า และรถยนต์ จึงเป็นเส้นที่การเดินทางมีความสะดวกมาก ซึ่งปัจจัยด้านความสะดวกในการเดินทาง ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มที่แยกครอบครัว กลุ่มคนที่คุ้นเคยกับทำเลย่านนี้นิยมซื้อที่อยู่อาศัยนี้ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ก็ครบ และยังเดินทางยังย่านช้อปปิ้งใจกลางเมืองอย่างสยาม หรือจะไปแหล่งแฮงค์เอาท์ยอดฮิตอย่าง ย่านทองหล่อ เอกมัย ก็สะดวกมาก
ด้าน ราคาที่ดิน จากการสำรวจราคาที่ดินบริเวณใกล้แยกรัชโยธิน ปัจจุบันเสนอขายอยู่ที่ประมาณ 2.2-2.5 ล้านบาท/ตร.ว. ปรับขึ้นประมาณปีละ 10% แต่บางแปลงที่อยู่ใกล้สถานี และมีศักยภาพในการพัฒนาก็มีราคาที่ปรับขึ้นสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาด และจากปัจจัยด้านราคาที่ดินที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับพื้นที่ย่านนี้จัดเป็นโซนพาณิชยกรรม ทำให้ที่อยู่อาศัยบริเวณรอบรัชโยธินเป็นตลาดคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียมระดับกลาง เริ่มต้นประมาณ 2-3 ล้านบาท จนถึงกลุ่ม 4-5 ล้านบาท ส่วนบ้านแนวราบจะเป็นบ้านระดับไฮเอนด์ ราคาไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท แต่ก็มีโครงการเกิดใหม่น้อยมาก
ความต้องการที่อยู่อาศัยย่านรัชโยธิน ถือว่าสูงมาก เพราะอย่างที่กล่าวแล้วว่า เป็นย่านที่ใกล้แหล่งงานสำคัญทั้งของหน่วยงานภาครัฐ บริษัทชั้นนำของภาคเอกชน เช่น เอสซีบีปาร์ค ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ ศูนย์การค้า แหล่งช้อปปิ้ง เช่น เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยมมอลล์, เทสโก้ โลตัส ร้านอาหารแล้ว และยังใกล้มหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งมีทั้งคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษา จึงเป็นตลาดที่อยู่อาศัยที่เติบโตทั้งตลาดเพื่อขาย และเพื่อเช่า โดยในระยะ 5 ปีที่ตลาดคอนโดมิเนียมขยายตัวในพื้นที่นี้มาก ก็ทำให้ตลาดเช่าย่านนี้มีทั้งรูปแบบหอพัก อพาร์ทเมนท์ และคอนโดมิเนียม
ขณะที่ในอนาคต บริเวณพหลโยธิน ก่อนแยกรัชโยธิน กำลังจะเกิด “บิ๊กโปรเจกต์” โดยที่ดินแปลงดังกล่าว กลุ่มบีทีเอสร่วมกับกลุ่มแกรนด์ คาแนล แลนด์ (จีแลนด์) ประมูลซื้อที่ดินจากกรมบังคับคดี 48 ไร่ ด้วยวงเงิน 7,350 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศและคอนโดมิเนียมเกรดเอ มูลค่าลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งหากเกิดขึ้น จะผลักดันให้โซนรัชโยธินกลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งงานสำคัญ แหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ แหล่งที่อยู่อาศัยชั้นดี เป็นปัจจัยที่ทำให้โซนรัชโยธินโดดเด่นมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังเตรียมแบ่งที่ดินส่วนหนึ่งประมาณ 10 ไร่ ทำเป็นถนนตัดทะลุถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดี เปิดเป็นทางสาธารณะให้ใช้เลี่ยงรถติดบริเวณแยกรัชโยธิน
โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวบนทำเลย่านนี้อย่าง ไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน (KnightsBridge Space Rachayothin) คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดี โดยแบรนด์ไนท์บริดจ์ เป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ประสบความสำเร็จต่อเนื่องในทุกโครงการ ปีนี้จึงต่อยอดความสำเร็จด้วยการสร้างจุดเด่นใหม่ๆ ให้กับไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน นั่นคือ “Space” ที่มากขึ้น ภายใต้แนวคิด Duo Space เพดานสูง 4.2 เมตร บน Prime area รัชโยธิน ทำเลที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ สะดวกในการเดินทาง และเพียบพร้อมในการอยู่อาศัย
ไนท์บริดจ์สเปซรัชโยธิน (KnightsBridge Space Rachayothin) ที่มาพร้อมแนวคิด Duo Space เพดานสูงถึง 4.2 เมตร พร้อมออกแบบให้มีพื้นที่ใช้งานในห้องพักทั้งในระดับล่างที่เป็น Space ส่วนโถงทางเข้าครัวและห้องน้ำในระดับบนที่เป็น Space ส่วนนอนและ Walk in Closet ผ่านการเชื่อมต่อ Space ด้วยเฟอร์นิเจอร์ Luxmore (Function Furniture) ที่ออกแบบให้เป็นบันไดและพื้นที่เก็บของนอกจากนั้น Space บริเวณริมหน้าต่างจะออกแบบเป็น Double Volume ส่วน Living Area พร้อมด้วยหน้าต่างกระจกทรงสูงเพื่อเปิดมุมมองของ Space ภายในห้องพัก
นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นด้านทำเล คือ ติดถนนพหลโยธิน ข้างซอยพหลโยธิน 27 (ตรงข้ามตึกช้าง) และติดสถานีรถไฟฟ้าพหลโยธิน 24 (รถไฟฟ้าสายสีเขียว – เชื่อมต่อเข้าสยาม อโศก ทองหล่อ ได้โดยตรง) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย (BTS สายสีเขียว – MRT สายสีน้ำเงิน – Monorail สายสีเหลือง) ใกล้ SCB แหล่งงานขนาดใหญ่ ใกล้ Shopping Mall (เมเจอร์รัชโยธิน, เซ็นทรัลลาดพร้าว) ซึ่งปัจจัยด้านแหล่งงานขนาดใหญ่ และแหล่งอำนวยความสะดวกครบเหล่านี้ จะผลักดันให้โซนรัชโยธินจะเป็นอีกหนึ่ง New CBD หรือศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่เทียบเท่ากรุงเทพชั้นในสีลม, อโศก, พระราม 9
หนึ่งในแหล่ง Shopping Mall คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว
มาพูดถึงตัวโครงการกันคร่าวๆ ไนท์บริดจ์สเปซรัชโยธิน (KnightsBridge Space Rachayothin) เป็นคอนโดมิเนียม 33 ชั้น มีพื้นที่ 2-2-74.1 ไร่จำนวนห้องชุด 488 ยูนิตและพิเศษด้วยที่จอดรถอัตโนมัติ 70%
ห้องชุดแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
– 1 Bedroom (22.8-30.9 sqm.)
– 1 Bedroom Plus (35.0-35.4 sqm.)
– 2 Bedroom (54.3-61.8 sqm.)
ในส่วนของชั้น 1 – ชั้น 2 เป็นล็อบบี้, Co-Working Space, Cafe 24 ช.ม. ชั้น 3 -13 เป็นที่จอดรถชั้น 14 -32 ที่พักอาศัย และชั้น 33 เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกและสวนบนดาดฟ้า
จากซ้ายไปขวาเป็นภาพของ LOBBY, CO-WORKING SPACE และ CAFE 24 Hrs
ทั้งนี้ สิ่งอำนวยของโครงการนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะครอบคลุมหลายด้าน ทั้งด้านการกินการอยู่อาศัย สุขภาพและการทำงานด้วย Extra Space in space พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นเพิ่มฟังก์ชันพิเศษให้กับทุกฟังก์ชันหลักของพื้นที่ใช้สอย Extra Function in Main Function และสิ่งอำนวยความสะดวกลอยฟ้า Sky Facilities บนพื้นที่มากกว่า 1,600 ตร.ม. ซึ่งสามารถตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีอายุประมาณ 26 – 40 ปี ชื่นชอบการกินดื่มเที่ยว รักสุขภาพ ใกล้แหล่งงาน กำลังขยายครอบครัวไปยังบ้านหลังที่สอง ชอบมองหาความแปลกใหม่ แต่ก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย
DUO SPACE คอนเซปต์ที่เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจของ Knightsbride Space Ratchayothin
ในส่วนของ Landscape ได้ออกแบบให้พื้นที่สีเขียวภายนอกอาคารเชื่อมต่อกับทุก SPACE เพื่อให้ลูกบ้านสัมผัสได้ถึงความสดชื่นและผ่อนคลายของการอยู่อาศัยด้วยบรรยากาศของธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่การเดินเข้าโครงการผ่าน Landscape Corridor ที่ทำให้ระหว่างทางที่เดินเกิด SPACE ที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น พอเข้ามาในล็อบบี้มองออกไปภายนอกก็ยังมี Garden Lobby View ที่มี Water Feature ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ด้วยเส้นสายของความเป็นธรรมชาติที่เชื่อมต่อ SPACE ไปสู่สวนด้านหลัง ทำให้ทุก SPACE ของสวนภายนอกอาคาร FLOW ถึงกัน ซึ่งในส่วนของสวนด้านหลังเองก็มี function ของ CO-LIVING GARDEN ที่ทั้งได้พักผ่อนหรือนั่งทำงานชิวๆในสวนที่ร่มรื่นตลอดทั้งวัน เพราะได้ทั้งร่มเงาจากอาคารและต้นไม้ใหญ่ในสวน ซึ่งก็สัมพันธ์กันกับมุมมองและการเชื่อมต่อของ CO-WORKING SPACE ภายในอาคารอีกด้วย
ตัวอย่างห้องในโครงการ ที่มาในคอนเซปต์ DUO SPACE
นอกจากในเรื่องของ FLOW GREEN SPACE แล้วยังมีอีก 2 สิ่งที่น่าสนใจ ที่ทางโครงการได้จัดไว้ให้ นั่นก็คือ
SWIMMING POOL WITH HYDROTHERAPY
ชั้นสระว่ายนํ้าเชื่อมต่อกับ MAIN FACILITIES ของโครงการ ออกแบบให้ผิวนํ้ามีความเชื่อมต่อกันให้ได้มากที่สุด และสามารถว่ายนํ้าพร้อมชมวิวได้โดยรอบ โดยที่ฟังก์ชันสำคัญต่างๆ ก็ยังมีอยู่ครบถ้วน โดย Lap Pool มีความยาว 24 เมตร และมี SPACE ที่สามารถว่ายอย่างต่อเนื่องได้ถึง 37 เมตร ด้วย L Shape ของสระช่วงความลึก 1.20 เมตร ส่วน Relax ของสระว่ายนํ้าที่ต่อเนื่องกัน ได้เพิ่มฟังก์ชันของความเป็น HYDROTHERAPY POOL ที่มีทั้ง JACUZZI ซึ่งช่วยเสริมบรรยากาศของการผ่อนคลายให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี RELAXING SUNKEN โซนที่นั่งพักผ่อนแบบไม่เปียกแต่สามารถสัมผัสถึงความผ่อนคลายของสระว่ายนํ้าโดยรอบได้
ROOFTOP GARDEN WITH CHILL CORNER
สวนชั้นดาดฟ้า ออกแบบโดยคำนึงถึงความ FLOW ของ SPACE ที่สามารถเดินชมวิวได้โดยรอบ และมีจุดนั่งพักผ่อนที่แทรกไปกับเส้นสายความเป็นธรรมชาติที่เรามีอยู่ในทุกพื้นที่สีเขียวของโครงการเพื่อให้เป็นไปในเรื่องราวเดียวกัน โดยเพิ่มความพิเศษของ SPACE ในส่วน SUNSET AMPHITHEATRE ที่สามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกบนจุดสูงสุดของโครงการได้
และท้ายที่สุดยังไม่หมดแค่นั้น เพราะทางโครงการ Knightsbridge Space Ratchayothin ยังได้ติดตั้ง Home Automation เพื่อรองรับเทคโนโลยีกับการอยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนคอนโดฯ มากที่สุด ซึ่งนับได้ว่าเป็นการปฎิวัติรูปแบบการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง ภายใต้ คอนเซปต์ ‘‘SPACE MAKE POSSIBLE’’
ORIGIN จะ เปิดจอง Online Booking ครั้งแรก 8 มี.ค.
จองสิทธิ์ เพื่อเข้าจอง ตั้งแต่ 23 ก.พ.-7 มี.ค นี้ ได้ที่ https://goo.gl/tgFYnz
เฉพาะรอบออนไลน์ ส่วนลดสูงสุดถึง 300,000.-
‘‘ไนท์บริดจ์ 3 โครงการ 3 ทำเล ที่ดีที่สุด ’
KnightsBridge SPACE พระราม 9
KnightsBridge SPACE รัชโยธิน และ
Knightsbridge collage สุขุมวิท 107
สุด Exclusive 100 ยูนิต แรกเท่านั้น!
ลงทะเบียนรับข่าวสาร http://knightsbridge.origin.co.th/knightsbridgespace/
โทร 065 520 0080
อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
