[บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ] “ทำเลที่ไม่หลับใหล” คงเป็นนิยามที่เมื่อเอ่ยถึงก็รู้ได้เลยว่ากล่าวถึงทำเล “พระราม 9” ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้พระราม 9 ถูกกล่าวว่าเป็นทำเลที่ไม่หลับใหล เนื่องจากเป็นถนนสายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ หรือถนนที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงของกรุงเทพฯ มายาวนาน แต่ปัจจุบันย่านพระราม 9 ไม่ได้เป็นเพียงถนนสายเอ็นเตอร์เทนเมนต์เท่านั้น แต่ค่อยๆ ไต่อันดับก้าวสู่อีกหนึ่งทำเลแห่งศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ด้วย
ด้วยปัจจัยเรื่องรถไฟฟ้า MRT ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2547 ทำให้การเดินทางจากย่านอื่นๆ มายังย่านพระราม 9 สะดวกมากขึ้น ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมบนทำเลพระราม 9 คึกคักมาก แต่ในช่วงแรกที่รถไฟฟ้า MRT เปิดให้บริการ คอนโดมิเนียมบริเวณนี้ยังคงเป็นคอนโดมิเนียมระดับกลางไปจนถึงล่าง ที่มีราคาขายเริ่มต้นล้านต้นๆ และมีราคาขายต่อตารางเมตรราว 30,000 บาท ไม่ถึง 40,000 บาท แต่ราคาก็ค่อยๆ ขยับตามความต้องการที่อยู่อาศัยย่านนี้ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่การขยายตัวของกลุ่มธุรกิจในเมืองชั้นใน สาทร สีลม สุขุมวิท อโศก ทำให้ความเจริญ และธุรกิจต่างๆ เริ่มขยับขยายตัวออกจากเมืองชั้นในมาอยู่ย่านพระราม 9 มากขึ้น กลุ่มทุนผู้พัฒนาอาคารสำนักงาน กล้าที่จะปักธงลงทุนอาคารสำนักงานเกรด B+ จนถึง เกรด A บนทำเลพระราม 9 จากเดิมที่อาคารสำนักงานเกรด B+ และเกรด A จะกระจุกตัวอยู่เฉพาะย่านสุขุมวิท สีลม สาทรเท่านั้น
โดยเฉพาะการเกิดอาณาจักรอาคารสำนักงานชั้นดีของกลุ่มจีแลนด์ ที่พัฒนาพื้นที่บริเวณแยกพระราม 9 เป็นอาคารสำนักงานหลายอาคาร และโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่แตกต่าง ทั้งอาคารรูปตัว U เพื่อให้กลุ่มยูนิลีเวอร์มาเช่า อาคารจี ทาวเวอร์ ที่ทำเป็นรูปตัว G และยังมีอาคารสำนักงานอีก 2-3 อาคารอยู่บนพื้นที่นี้ ก็ยิ่งทำให้กลุ่มบริษัทเกิดใหม่ กลุ่มบริษัทที่ต้องการย้ายออฟฟิศ ขยับขยายมายังย่านพระราม 9 มากขึ้น
นอกจากนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สปอตไลท์ความเป็น New CBD Office (CBD : Central Business District) ส่องตรงมาที่ทำเลพระราม 9 นั่นก็คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้ายมาปักธงบริเวณย่านพระราม 9 ควบคู่กับการที่กลุ่มเอไอเอ ที่ลงทุนอาคารสำนักงานเกรด A ย่านนี้ ภายใต้ชื่ออาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ (AIA Capital Center) ยิ่งดึงกลุ่มธุรกิจการเงินให้เข้ามาสู่ถนนสายนี้มากขึ้น จากเดิมกลุ่มธุรกิจการเงินจะอยู่ในย่านสาทรเป็นหลัก และทำให้ถนนสายนี้ ขยับสู่ความเป็นถนนสายการเงินอีกโซนหนึ่งที่สำคัญ
หลากหลายปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ย่านพระราม 9 ค่อยๆ เปลี่ยนโฉมหน้าจากถนนสายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เพียงอย่างเดียว กลายเป็น “ถนนสายธุรกิจ” ที่ค่อยๆ ก้าวขึ้นสู่ความเป็น New CBD Office ควบคู่ไปด้วย ยิ่งตอกย้ำนิยาม “ถนนที่ไม่เคยหลับใหล” มากขึ้น โดยในเวลากลางวัน Office Hours ก็จะเป็นถนนสายธุรกิจ ส่วนกลางคืน ก็จะเป็น Entertainment Night Life city ที่ยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย

ด้วยแหล่งงานที่รอบล้อมในบริเวณทำเลพระราม 9 ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวกลายเป็น ‘ถนนสายธุรกิจ’ ในช่วงกลางวัน
ด้านตลาดที่อยู่อาศัย ย่านพระราม 9 มีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง และยิ่งมีมากขึ้น จากการที่เป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ทั้ง Office Hour และ Entertainment Night Life city ดังกล่าว โดยในอดีตที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า MRT ย่านนี้มีสัดส่วนของตลาดเช่า เช่น หอพัก อพาร์ทเมนต์สูงมาก เพราะนอกจากความต้องการของคนทำงานย่านนี้แล้ว ในพื้นที่ใกล้เคียงย่านพระราม 9 ยังมีสถานศึกษาหลายแห่ง จึงมีความต้องการเช่าจากกลุ่มนักศึกษาด้วย แต่เมื่อมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มขยายตัว ความต้องการที่อยู่อาศัยบนทำเลย่านพระราม 9 จึงมีทั้งตลาดเช่า และตลาดซื้อเป็นเจ้าของเองในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
ในส่วนของตลาดเช่าเอง ก็ขยายตัว เพราะเป็นย่านที่มีแหล่งงานขนาดใหญ่มายาวนาน อีกทั้ง ยังเป็นย่านการค้าขายของกลุ่มเอสเอ็มอีจากจีน และเกาหลีที่เข้ามาทำการค้าในกรุงเทพฯ และเลือกอยู่อาศัยย่านนี้จำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะใกล้สถานทูต และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งชาวจีนและชาวเกาหลีย่านพระราม 9 มีจำนวนมาก ทำให้โซนนี้กลายเป็นชุมชนขนาดย่อมๆ ของชาวจีนและชาวเกาหลี รวมถึง ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจีนและเกาหลี ก็นิยมพักโรงแรมย่านนี้เช่นกัน เพราะเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งช้อปปิ้งสำคัญ และเป็นแหล่งความบันเทิงที่มีความหลากหลาย

SHOW DC International Entertainment Destination อีกหนึ่งสถานที่ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับคำว่า Entertainment Night Life City via www.facebook.com/showdc.co.th
ในส่วนของตลาดซื้อที่อยู่อาศัยเป็นเจ้าของเองก็เติบโต เพราะมีทั้งกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่เอง และซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า จากความต้องการเช่าที่ค่อนข้างสูงดังที่กล่าว โดยตลาดคอนโดมิเนียมเป็นตลาดหลักของความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยย่านนี้ ซึ่งอย่างที่กล่าวแล้วว่า ในยุคแรกๆ ที่รถไฟฟ้าเปิดให้บริการ ย่านพระราม 9 เป็นตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง แต่เมื่อรถไฟฟ้าให้บริการไปได้ในระยะหนึ่ง เมืองขยายตัว มีคนใช้บริการรถไฟฟ้า MRT มากขึ้น พระราม 9 กลายเป็นแหล่งงานชั้นดี ด้วยอาคารสำนักงานเกรด B+ และเกรด A ที่ดึงบริษัทชั้นนำเข้าสู่พื้นที่ย่านนี้ ก็มีผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 ค่อยๆ ปรับขึ้นเป็นคอนโดมิเนียมระดับกลางบนมากขึ้น

MRT พระราม 9 อีกหนึ่งช่องทางการเดินทางที่แสนสะดวกสำหรับคนเมือง ที่มีไลฟ์สไตล์แบบ Work Hard Play Hard
ความต้องการที่อยู่อาศัยย่านพระราม 9 ที่เติบโตทั้งตลาดเช่าและตลาดซื้อเป็นเจ้าของเอง จากความเป็นถนนสายธุรกิจ แวดล้อมด้วยกลุ่มบริษัทชั้นนำที่อยู่ในอาคารสำนักงานใกล้เคียง เช่น U Place, The Nine Tower, G Tower, Super Tower (อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบนย่านพระราม 9) และถนนเอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่ไม่เคยหลับใหล จึงสร้างโอกาสในการลงทุนให้กับตลาดคอนโดมิเนียม ที่เน้นอัตราการเติบโตของเงินลงทุนระยะยาว
ปัจจุบันทำเลพระราม 9 จึงเป็นทำเลที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีไลฟ์สไตล์แบบ Work Hard Play Hard ทำงานหนัก แต่ก็กินดื่มเที่ยวแฮงเอาท์แบบจัดเต็ม ซึ่งคนกลุ่มนี้ นิยมที่อยู่อาศัยแบบเดินทางไปทำงานก็สะดวก เดินทางไปแฮงเอาท์ก็สะดวก เดินทางจากสถานที่แฮงเอาท์กลับบ้านก็สบาย จึงเป็นทำเลที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่มาก
และจากการสำรวจอัตราผลตอบแทน ราคาห้องชุด 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. เฉลี่ย 5.2 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยต่อตร.ม. 173,313 บาท อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อตร.ม 570-670 บาท มีโอกาสที่จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการเช่า (Rental Yield) 3.9-4.6% ต่อปี ส่วนคาดการณ์แคปิตอล เกน (Capital Gain) หรือราคาส่วนต่างของทรัพย์สินตอนซื้อและตอนขายสูง เฉลี่ยอยู่ที่ 10% ต่อปี แต่ก็มีห้องชุดบางกลุ่มที่มีแคปิตอล เกนสูงกว่าราคาเฉลี่ย เช่น กลุ่มห้องชุด 1 ห้องนอน พื้นที่ 30 ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 3.5 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยต่อตร.ม. 117,768 บาท มีสถิติว่าสามารถสร้างแคปิตอล เกนได้สูงถึง 16% ต่อปี
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในย่านนี้ ต้องจับตามองคอนโดมิเนียมของกลุ่มออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ที่กำลังจะขยายมายังทำเลพระราม 9 โดยประเดิมนำ Flagship Brand อย่าง ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) มาเปิดตลาด เนื่องจากมองว่าแบรนด์ดังกล่าวประสบความสำเร็จมาก หลายโครงการได้รับการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม และขายหมดภายในเวลาอันสั้น ดันให้ออริจิ้นฯ ก้าวขึ้นมาติดอันดับ Top 5 Brand ในใจของผู้บริโภค ปีนี้จึงเปิดตัว EPISODE ภาคต่อให้กับ Knightsbridge Space 2 โครงการ นั่นก็คือ ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (KnightsBridge Space Rama 9) และไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน (Knightsbridge Space Ratchayothin)
โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (KnightsBridge Space Rama 9) อยู่บนพื้นที่โครงการกว่า 2 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,380 ล้านบาท ความสูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร โดยภายในอาคารประกอบด้วยชั้นดังต่อไปนี้ ที่จอดรถใต้ดิน B1 – B3, ชั้น G ล็อบบี้ สวน ที่จอดรถ , ชั้น 2 ล็อบบี้, ชั้น 3-5 ที่จอดรถ, ชั้น 6 ที่พักอาศัย และสวน, ชั้น 7– 18 ที่พักอาศัย, ชั้น 19 สิ่งอำนวยความสะดวก, ชั้น 20-25 ที่พักอาศัย, ชั้น 26 ที่พักอาศัย และสวน, ชั้น 27 ที่พักอาศัย และ Rooftop Garden ไว้สำหรับชมวิวสวยบนตึกสูงใจกลางเมือง ทั้งนี้ที่จอดรถมาพร้อมกับ EV Charger และในส่วนของที่พักอาศัยต่างมาพร้อมกับระบบ Home Automation
สำหรับรูปแบบห้องชุด มีด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. Type 23 ตร.ม. มีพื้นที่ duo space อีก 7 ตรม. (โดยประมาณ) 2. Type 27 ตร.ม. มีพื้นที่ duo space อีก 10 ตรม. (โดยประมาณ) และ 3. Type 30 ตร.ม. มีพื้นที่ Duo Space อีก 12 ตรม. (โดยประมาณ)
พิเศษที่แตกต่างด้วย DUO Space (เพดานสูง 4.2 เมตร) ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่เพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ออกแบบให้มีพื้นที่ใช้งานในห้องพักทั้งในระดับล่างที่เป็น Space ส่วนโถงทางเข้าครัวและห้องน้ำในระดับบนที่เป็น Space ส่วนนอนและ Walk in Closet ผ่านการเชื่อมต่อ Space ด้วยเฟอร์นิเจอร์ Luxmore (Function Furniture) ที่ออกแบบให้เป็นบันไดและพื้นที่เก็บของ นอกจากนั้น Space บริเวณริมหน้าต่างจะออกแบบเป็น Double Volume ส่วน Living Area พร้อมด้วยหน้าต่างกระจกทรงสูงเพื่อเปิดมุมมองของ Space ภายในห้องพัก
นอกจากตัวโครงการที่อัดแน่น Facilities ภายในพร้อมกับความพิเศษที่แตกต่างเพื่อผู้อยู่อาศัยแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของ โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 ก็คือ ในเรื่องของการเชื่อมต่อทางด้านทำเล โดยตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใกล้แยกพระราม 9 ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพระราม 9 ประมาณ 350 เมตร ซึ่งเป็นสถานีที่มียอดผู้ใช้บริการต่อวันเป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ต่อปี ใกล้ทางด่วน ดับเบิ้ล เอ็กซ์เชนจ์ เอ็มอาร์ที – แอร์พอร์ตลิงค์, เอ็มอาร์ที-บีทีเอส เข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวก เป็นทำเลที่มีความต้องการจากทั้งคนไทยและต่างชาติ
ด้านการลงทุนก็อย่างที่ทราบกันดีว่าทำเลพระราม 9 นั้นเป็นทำเลที่ฮอตฮิตและขึ้นชื่อในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว โดยคาดการณ์แคปิตอล เกน (Capital Gain) 10% ต่อปี เน้นอัตราการเติบโตของเงินลงทุนระยะยาว เนื่องจากมีกลุ่มบริษัทชั้นนำแวดล้อม เช่น G Tower, Super Tower (อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบนย่านพระราม 9) ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยสูง
มาถึงแนวคิดในการออกแบบ ต้องบอกว่าค่อนข้างตอบโจทย์ลักษณะการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมเมืองทุกวันนี้ที่ล้วนแต่มีความเร่งรีบ การแข่งขันและปัจจัยรอบข้างต่างๆ นานา ซึ่งทำให้ชีวิตของคนเราเกิดความเครียดและอยากที่จะหลีกหนีความวุ่นวายนั้น ทางโครงการจึงได้มาพร้อมกับแนวคิด Hidden Gems ที่เปรียบเสมือนแสงที่ส่องประกายจากความมืดมิด และแสงระยิบระยับนับร้อยนับพันที่ร้อยเรียงกัน ก่อให้เกิดเส้นสายที่ไหลลื่นและเชื่อมโยงกันของ Space ทอแสงประกายไหลต่อเนื่องไปอย่างไม่รู้จุดจบ ไม่ต่างจากหมู่ดาวหรืออัญมณีบนพื้นดิน
การออกแบบฉีกจากแนวเดิมๆ ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติรูปแบบการอยู่อาศัยแบบใหม่ สร้างความแตกต่างด้วยสไตล์ Loft ดีไซน์พื้นที่ให้สูง โปร่ง และออกแบบ Lay Out เป็น 2 ชั้น ใน Style duo space ตอบโจทย์คนอยู่คอนโดมิเนียมกลางเมือง กลุ่มคนทำงาน GEN Y ที่มีไลฟ์สไตล์ไม่หยุดนิ่ง และ ชอบสังคมเมือง แบบ Cool Cool กลุ่มครอบครัวที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ Space ที่มากขึ้น รวมถึง กลุ่นคนที่ทำงานในพื้นที่ใกล้เคียงที่แม้ว่าจะมีบ้านหลังแรกอยู่แล้ว แต่ต้องการหาบ้านหลังที่สอง เป็นที่พักอาศัยส่วนตัวเพื่อการพักผ่อนบนทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวกด้วยหลากหลายช่องทาง ไม่ไกลจากที่ทางาน หรือซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินเพื่อปล่อยเช่า
โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (KnightsBridge Space Rama 9) มีดีไซน์ที่สร้างประสบการณ์ในการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่แตกต่างด้วยการออกแบบพื้นที่ใช้สอย ที่มีความเชื่อมโยง ต่อเนื่องกัน ทุกมิติ ระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอกอาคาร สามารถอธิบาย ได้ใน 4 Spaces หลัก ดังนี้
– Flow Space เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกอาคารด้วยการออกแบบ Space ทีมีการเล่นระดับ โถงที่มีฝ้าเพดานสูงที่เป็น Double Space & Triple Space
– More Space ออกแบบให้ผู้อยู่อาศัย สามารถใช้ชีวิตใน Space ที่มีพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ ทั้งพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่สันทนาการและมุมพักผ่อนสังสรรค์ ภายในโครงการ
– Value Space ออกแบบให้ทุกๆ Space พื้นที่ใช้สอยในห้อง สามารถใช้งานจริงได้อย่างคุ้มค่า
– Vertical Space ออกแบบพื้นที่ใช้งานทางตั้งให้มีประโยชน์สูงสุด เช่น พื้นที่เหนือส่วนอาบน้ำ สามารถใช้เป็น Space พื้นที่เก็บของได้
สุดท้ายนี้บรรยากาศภายในโครงการยังมอบความเป็นส่วนตัวสูง สะดวกสบายด้วย 5 Level Facility พร้อมด้วย EV Charger และระบบ Home Automation เพื่อรองรับเทคโนโลยีกับการอยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนคอนโดฯ มากที่สุด นับได้ว่าเป็นการปฎิวัติรูปแบบการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง ภายใต้ คอนเซปต์ ‘‘SPACE MAKE POSSIBLE’’
อีกทั้งยังเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และสถาปัตยกรรมที่เป็นงานศิลปะสมัยใหม่ ซึ่งออกแบบเฉพาะโดยบริษัท Tendem Architect ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบชั้นนำที่ออกแบบให้กับโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซัวรี่หลายแห่ง เช่น The Bangkok, EsseBangkok, Esse 36 เป็นต้น
จากจุดเด่นดังกล่าว สามารถสรุป 8 เหตุผลที่ควรเลือกซื้อโครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (KnightsBridge Space Rama 9) ได้ดังนี้
1. พื้นที่สีเขียวมากกว่า 1,000 ตร.ม.
2. พื้นที่ส่วนกลางถึง 5 ระดับชั้น
3. Social fitness club ขนาดใหญกว่า 221 ตร.ม.
4. Craft café & Working space กว่าุ 645 ตร.ม. แบบ Double Volume
5. มีความเป็นส่วนตัวด้วย Exclusive Residence เพียง 325 ยูนิต
6. ห้องพักอาศัยแบบ Duo Space ทั้งอาคาร
7. Home Automation
8. Automatic Parking จอดรถได้มากถึง 52%
บริบทแห่งการอยู่อาศัยใหม่ ที่ฉีกกรอบการอยู่อาศัยแบบเดิมๆ ด้วยห้องพักอาศัยแบบ Duo Space ทั้งโครงการ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการ Space การอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การอยู่จริง
ORIGIN จะ เปิดจอง Online Booking ครั้งแรก 8 มี.ค.
จองสิทธิ์ เพื่อเข้าจอง ตั้งแต่ 23 ก.พ.-7 มี.ค นี้ ได้ที่ https://goo.gl/tgFYnz
เฉพาะรอบออนไลน์ ส่วนลดสูงสุดถึง 300,000.-
‘‘ไนท์บริดจ์ 3 โครงการ 3 ทำเล ที่ดีที่สุด ’
KnightsBridge SPACE พระราม 9
KnightsBridge SPACE รัชโยธิน และ
Knightsbridge collage สุขุมวิท 107
สุด Exclusive 100 ยูนิต แรกเท่านั้น!
ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารเพิ่มเติม http://knightsbridge.origin.co.th/rama9/
โทร 02 030 0000
อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน