บรรยากาศของการลงทุนของไทยในปี 2561 ดีขึ้น เป็นผลมาจากปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลายประการ และภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยทาง CBRE ประเทศไทย คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะได้เห็นการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลาย ๆ ด้าน ในยุคที่ราคาที่ดินต่อตารางวา ราคาคอนโดมิเนียม และค่าเช่าพื้นที่สำนักงานทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
แข่งเดือดจับจองที่ดินทำเลชั้นนำ
ความต้องการที่ดินในทำเลชั้นนำของกรุงเทพฯ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะผู้พัฒนาโครงการยังหาซื้อที่ดินเพื่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้จากการปล่อยเช่า เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม พื้นที่ค้าปลีก ทำให้ราคาที่ดินย่านใจกลางธุรกิจ หรือซีบีดี ในทำเลชั้นนำที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ราคาที่ดินบางทำเลปรับตัวสูงถึง 25-30% ต่อปี ตัวอย่างที่เพิ่งผ่านมาคือ การซื้อขายที่ดินครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทยอย่างการร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลและฮ่องกงแลนด์ในการเข้าซื้อที่ดินสถานทูตอังกฤษด้วยราคา 420 ล้านปอนด์ และการซื้อที่ดินขนาด 880 ตร.ว. ในซอยหลังสวน โดย บมจ.เอสซี แอสเสท ซึ่งทำราคาซื้อขายที่ดินสูงสุดด้วยราคา 3.1 ล้านบาท/ตร.ว.
โดยจะเห็นภาพผู้พัฒนาโครงการกระจายการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ มากขึ้น และผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยตลาดระดับกลางและล่างขยับขึ้นมาทำตลาดระดับลักซ์ชัวรีมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง
ดีเวลลอปเปอร์จับมือต่างชาติพัฒนาโครงการ
จากที่ธนาคารไทยมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในการพัฒนาโครงการใหม่ จึงทำให้ผู้พัฒนาโครงการต่างมองหาเงินลงทุนจากพันธมิตรต่างชาติ โครงการอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ที่เกิดจากการร่วมทุนมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 4 โครงการในปี 2556 เป็น 52 โครงการในปี 2560 ทั้งจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน เชื่อว่าในอนาคตจะเห็นการลงทุนใหม่ ๆ ที่มีทั้งคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้อื่น ๆ เช่น อาคารสำนักงาน
ด้านสัดส่วนผู้ซื้อคอนโดมิเนียมชาวต่างชาตินั้นเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อยมาอยู่ที่ 25% ของธุรกรรมการซื้อขายคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่ผ่าน CBRE และคาดการณ์ว่าผู้ซื้อชาวต่างชาติจะยังคงซื้อที่พักอาศัยในไทยทั้งระดับหรูและระดับราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง จากการทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้นของผู้พัฒนาโครงการ
พื้นที่สำนักงานน้อย หันใช้ Co-Working Space
ด้านปริมาณความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะยังคงอยู่ที่ระดับ 2 แสนตารางเมตร/ปี ปัจจุบันอัตราพื้นที่ว่างอยู่ที่ระดับ 7.8% และจะลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4-5% ในทุกเกรดและทุกทำเล
จากปัจจัยที่ในปี 2561 มีพื้นที่สำนักงานใหม่เพิ่มเข้ามาน้อยกว่า 2 แสนตารางเมตร ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงในมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศที่ค่าเช่าตลอดระยะเวลาการเช่า ต้องรวมอยู่ในงบดุล รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการตกแต่งสำนักงานใหม่ และการที่บริษัทลดความเสี่ยงของความไม่แน่นอนโดยไม่ต้องการทำสัญญาเช่าระยะยาว จะส่งผลให้บริษัทข้ามชาติบางแห่งเลือกที่จะเช่าพื้นที่ทำงานใน Co-Working Space มากกว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานแบบเดิม
ทั้งนี้ ในปี 2561 ผู้ให้บริการพื้นที่ Co-Working Space จากต่างชาติ 4 ราย จะเปิดให้บริการครั้งแรกในอาคารสำนักงานในย่านใจกลางซีบีดีของกรุงเทพฯ โดยมีพื้นที่รวมทั้งหมดราว 1.8 หมื่นตารางเมตร และคาดว่าจะมีการขยายสาขาออกไปอีกในปี 2561
อย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลาย ๆ ด้าน อาทิ ราคาที่ดินที่สูงเกินไปทำให้การพัฒนาโครงการเป็นไปได้ยาก ความสามารถในการซื้อที่พักอาศัยในตลาดระดับกลางและระดับล่างมีน้อย ความเสี่ยงที่จะเกิดซัพพลายล้นตลาดในหลายภาคธุรกิจ หากโครงการใหม่ที่วางแผนไว้เริ่มก่อสร้างในเวลาเดียวกัน ความไม่แน่นอนทางการเมืองเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง นโยบายด้านภาษีที่ยังไม่มีความแน่นอน และอัตราดอกเบี้ยที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายหรือให้เช่าหรือเช่าอสังหาฯ ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอีกหนึ่งแหล่งที่น่าสนใจคือรายงานดัชนีอสังหาฯ DDproperty Property Index และ
รายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ DDproperty Property Market Outlook
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน