จากการที่ประชาชนร้องเรียนต่อสคบ. เกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมของผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ตเม้นท์ บ้านเช่า ที่มักเรียกเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ในอัตราที่แพงกว่าปกติ รวมถึงการถูกเอารัดเอาเปรียบจากการทำสัญญาเช่า การเรียกเก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้าหลายเดือน การหักค่าเสื่อมสภาพเกินความจริง จึงทำให้ต้องออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องธุรกิจให้เช่าอาคารที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 ซึ่งประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 นี้ และหากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุด 1 แสนบาท
พลตำรวจตรี ประสิทธิื์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เผยว่า ที่ผ่านมา สคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับการเก็บค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าของผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ตเม้นท์ บ้านเช่า ในอัตราที่แพงกว่าอัตราปกติ 2-3 เท่า เช่น เก็บค่าน้ำที่ 17-18 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าที่ 7-10 บาทต่อหน่วย รวมถึงการถูกเอารัดเอาเปรียบจากการทำสัญญาเช่า การเรียกเก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้าหลายเดือน การหักค่าเสื่อมสภาพเกินความจริง เป็นต้น
สคบ. ในฐานะหน่วยงานหลักในการคุ้มครองผู้บริโภค ได้กำหนดแนวทางเพื่อให้ความคุ้มครองประชาชนผู้ใช้บริการเช่าที่พักอาศัยให้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องธุรกิจให้เช่าอาคารที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 ซึ่งประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 นี้เป็นต้นไป
พลตำรวจตรี ประสิทธิ์ฯ อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาการเก็บค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าของผู้ประกอบการจะมีการคิดคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าน้ำในกรณีที่มีการจ่ายค่าไฟฟ้าจากการสูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้ ไฟฟ้าส่องสว่างของอาคาร อย่างบริเวณทางเดิน ที่จอดรถ หรือแม้กระทั่งการจัดให้มีช่างซ่อมบำรุงส่วนต่างๆ ในแต่ละเดือน แล้วนำไปใช้เป็นข้ออ้างต่อผู้เช่า เพื่อคิดค่าน้ำ ค่าไฟ ในอัตราที่สูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาละเมิดสิทธิ์และเอาเปรียบ เมื่อประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องยกเลิกสัญญาฉบับเก่าที่เคยทำไว้กับผู้เช่าทั้งหมด และให้ผู้เช่ามาทำสัญญาใหม่ โดยในสัญญาฉบับใหม่จะต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการเช่า เช่น เขียนชื่อ ที่อยู่ ของผู้ให้เช่าและเช่า กำหนดระยะเวลาในการเช่า ทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่ให้เช่า อัตราค่าบริการต่างๆ ทั้งค่าเช่าเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ รวมถึงวิธีการชำระค่าบริการต่างๆ ให้ชัดเจน พร้อมกำหนดเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า เกิน 1 เดือน (ในอัตราที่การไฟฟ้าและการประปากำหนดไว้ โดยให้นำต้นทุนค่าใช้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องคิดแยกออกมาต่างหาก โดยต้องชี้แจงในใบเสร็จให้ผู้เช่ารับรู้อย่างชัดเจน) หากไม่ปฏิบัติจะมีความผิด มีโทษคือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 1 ห้อง/1 สัญญา
ทั้งนี้ในประกาศดังกล่าวจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่ผู้ประกอบการหอพักต้องดำเนินการ เช่น ต้องจัดทำหลักฐานการตรวจรับสภาพอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ (ถ้ามี) โดยให้ผู้เช่าเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย ต้องส่งใบแจ้งหนี้ที่แสดงรายละเอียดข้างต้นทั้งหมดให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนกำหนด เพื่อให้โอกาสผู้เช่ามีสิทธิตรวจสอบข้อมูลค่าใช้จ่ายต่างๆ ห้ามผู้ประกอบการยึดทรัพย์ หรือข้าวของเครื่องใช้ของผู้เช่าด้วย ห้ามล็อคห้องไม่ให้เข้า ในกรณีผู้เช่าไม่จ่ายค่าเช่า ฯลฯ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ “ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าอาคาร ที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561)
โดยที่ผ่านมา สคบ. มีการจัดทำประชาพิจารณ์เปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งผู้ประกอบการและผู้เช่า และมีการณรงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามประกาศของสคบ. ใน 3 เรื่องหลัก
1. สร้างการรับรู้ให้กับเจ้าของหอพักได้ปฏิบัติตามประกาศของ สคบ.
2. สร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค
3. การตรวจสอบสภาพหอพักให้ได้มาตรฐาน
ทั้งนี้หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตาม สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน สคบ. โทร. 1166 หรือทางระบบร้องเรียนออนไลน์ www.ocpb.go.th
ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายหรือให้เช่าหรือเช่าอสังหาฯ ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอีกหนึ่งแหล่งที่น่าสนใจคือรายงานดัชนีอสังหาฯ DDproperty Property Index และ
รายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ DDproperty Property Market Outlook
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
ขอบคุณบทความจากเว็บไซต์ matichon.co.th