การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบลีสโฮลด์ (Leasehold) ที่ให้สิทธิการเช่าระยะยาว กำลังได้รับความสนใจและดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่วิน-วินทั้งผู้ขายและผู้เช่าในปัจจุบัน
คอนโดฯ ลีสโฮลด์ มีเพียง 1% ในกรุงเทพฯ
จากการสำรวจของเน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง พบว่า คอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ในปัจจุบันมีจำนวนไม่ถึง 1% ของจำนวนคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ทำเลใจกลางเมือง ทำเลที่มีศักยภาพสูง หรือบริเวณที่ไม่สามารถหาซื้อที่ดินแบบซื้อขาดได้ เนื่องจากเป็นที่ดินของหน่วยงานรัฐ และสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เป็นที่ดินของเอกชน ทำให้เป็นที่ต้องการสูง
จับตา 3 ทำเลอุปทานสูง ราคาถูกกว่าฟรีโฮลด์ 30-40%
อุปทานของคอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ ทำเลใจกลางกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน มีจำนวนทั้งหมด 4,500 หน่วย จาก 22 โครงการ พบมากกว่า 67% ตั้งอยู่บริเวณราชดำริ หลังสวน และพระราม 4 ซึ่งทำเลที่ตั้ง ปีที่ก่อสร้าง และคุณภาพโครงการ จะเป็นปัจจัยกำหนดราคา
โดยพบว่า คอนโดมิเนียมลีสโฮลด์จะมีราคาขายถูกกว่าคอนโดมิเนียมฟรีโฮลด์ (Freehold) ที่ซื้อแบบขายขาด อย่างน้อย 30-40% และหลายโครงการในกลุ่มซูเปอร์ลักซ์ชัวรี มักใช้เครือโรงแรม 5 ดาวเข้ามาบริหาร หรือมีส่วนควบที่เป็นโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เกรดเอพ่วงอยู่ด้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าและดึงดูดผู้ซื้อชาวต่างชาติให้สนใจเข้ามาซื้อโครงการมากขึ้น
ลงทุนปล่อยเช่าคอนโดฯ ลีสโฮลด์ ผลตอบแทน 7-10%
หากมองด้านการลงทุน คอนโดมิเนียมลีสโฮลด์จะมีระยะเวลาการเช่า 30 ปี ราคาซื้อขายสิทธิมือสองอาจจะลดลงเมื่อจำนวนปีที่เหลือถือครองลดลง แต่ในหลาย ๆ โครงการ ราคาไม่ได้ปรับตัวลดลงตามปีที่เหลืออยู่ แต่กลับมีราคาเพิ่มขึ้น
เนื่องจากคุณภาพของห้องชุดที่ดี ประกอบกับผู้ซื้อยังมีความต้องการคอนโดมิเนียมในทำเลนั้น ๆ อยู่มาก โดยพบว่า คอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนปล่อยเช่า 7-10% ต่อปี มากกว่าคอนโดมิเนียมฟรีโฮลด์ในทำเลเดียวกัน
ในส่วนของการลงทุนให้ชาวต่างชาติ ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้นเคยในการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ความง่ายในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ให้สิทธิการเช่าระยะยาว รวมถึงเงื่อนไขในการซื้อต่าง ๆ เช่น ไม่จำเป็นต้องโอนเงินจากต่างประเทศ
โดยเฉพาะสำหรับชาวจีน ที่กฎหมายจีนห้ามไม่ให้โอนเงินออกนอกประเทศเกิน 50,000 ดอลลาร์ต่อปี ทำให้การโอนเงินออกมาซื้อคอนโดมิเนียมเป็นเรื่องยากมากขึ้น เป็นต้น ช่วยกระตุ้นให้ตลาดคอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ในปีนี้มีอนาคตที่ดี
ตอบโจทย์คนยุคมิลเลนเนียม-ผู้สูงอายุ
จากรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนยุคมิลเลนเนียลที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2527-2539 ซึ่งเป็นวัยที่กำลังอยู่ในวัยทำงานและเริ่มต้นสร้างอนาคต ที่มองหาที่อยู่อาศัยทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เริ่มให้ความสนใจกับคอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ที่ให้สิทธิการเช่าระยะยาว มากขึ้น ก่อนที่จะขยับขยายไปซื้อบ้านเดี่ยวเมื่ออยู่ในวัยทำงานที่อายุมากขึ้นหรือต้องการสร้างครอบครัวในอนาคต
นอกจากนี้ ด้วยสภาพสังคมไทยในปัจจุบันที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กลุ่มนี้จึงเป็นอีกกลุ่มที่ให้ความสนใจคอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ที่ให้สิทธิการเช่าระยะยาว เพราะมีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความปลอดภัยในการใช้ชีวิต ทำเลใจกลางเมืองที่สะดวกสบาย และสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้โดยง่าย จึงคาดว่าในอนาคตจะเห็นคอนโดมิเนียมสำหรับผู้สูงอายุที่เป็นแบบให้เช่าระยะยาวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าคอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ที่ให้สิทธิการเช่าระยะยาวในอนาคตจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นที่ดินใจกลางเมืองมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น ทำให้เจ้าของที่ดินเอกชนสนใจที่จะปล่อยที่ดินให้เช่าระยะยาวมากกว่าขายที่ดินทั้งผืน ในขณะที่ภาครัฐเองก็มีที่ดินให้เช่าอย่างต่อเนื่อง ราคาขายที่ถูกกว่าคอนโดมิเนียมฟรีโฮลด์ 30-40% ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเมื่อนำไปลงทุนปล่อยเช่าก็ยังผลตอบแทนดี 7-10% ต่อปี จึงถึงเป็นสถานการณ์ที่ “วิน-วิน” ทั้งผู้ชายและผู้เช่า
เพิ่มเติมความรู้ คู่มือซื้อ ขาย เช่าบ้าน-คอนโดฯ พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ และสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน