[บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ] การลงทุนใน “อสังหาริมทรัพย์” ยังคงมีผลตอบรับที่ดีเสมอ โดยเฉพาะการลงทุนกับ “คอนโดมิเนียม” และโครงการ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ ก็เหมาะกับการลงทุนและปล่อยเช่ามากที่สุดในเวลานี้
1. ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
แน่นอนว่าการลงทุนคอนโดมิเนียม ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของ “ทำเล” เป็นอันดับต้น ๆ เพราะทำเลจะเป็นตัวกำหนดกลุ่มเป้าหมายและอัตราค่าเช่า หากเลือกลงทุนโครงการบนทำเลที่มีความต้องการสูงก็ยิ่งส่งผลให้สามารถทำกำไรได้มาก แต่อย่างไรก็ตามนอกจากปัจจัยเรื่องทำเลแล้วก็ยังต้องนำปัจจัยอื่น ๆ มาประกอบกันด้วย อาทิ สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการอย่างห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล หรือร้านสะดวกซื้อ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตทั้งสิ้น
2. พื้นที่ส่วนกลางทั่วถึง คำนึงถึงผู้อยู่อาศัย
การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดผู้อยู่อาศัย นักลงทุนที่ดีควรคำนึงถึงจุดนี้อย่างมากเพราะปัจจุบันที่อยู่อาศัยไม่ใช่เพียงเพื่ออาศัยเท่านั้น แต่ยังต้องมีพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ดีอีกด้วย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สระว่ายน้ำ ฟิตเนส หรือพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีส่วนช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
3. ไทป์ห้องหลากหลาย ตอบโจทย์การใช้ชีวิต
เรื่องของไทป์ห้องนั้นขึ้นอยู่กับนักลงทุนว่ามีกลุ่มเป้าหมายระดับใด บางคนมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนโสด หรือคู่รักที่ยังไม่มีลูก ก็อาจเลือกซี้อห้อง Studio หรือ 1 Bedroom ก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิต แต่หากกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มครอบครัวขนาดไม่ใหญ่มากก็อาจซื้อเป็น 1 Bedroom Plus หรือ 2 Bedroom ก็ตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังเป็นตัวกำหนดอัตราค่าเช่าอีกด้วย เช่น ในย่านทำเลสุขุมวิท-เทพารักษ์ สำหรับคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี ห้อง Studio จะมีอัตราปล่อยเช่าอยู่ที่ 9,000-10,000 บาท หากเป็น Type 1 Bedroom Plus หรือ 2 Bedroom อัตราปล่อยเช่าจะขยับไปถึง 12,000-14,000 บาท ซึ่ง Type เหล่านี้ยังคงมีดีมานด์เข้ามาเติมอยู่เรื่อย ๆ เนื่องจากสุขุมวิท-เทพารักษ์ เป็นย่านที่มีการขยับขยายมาจากเส้นสุขุมวิทที่ใกล้แนวรถไฟฟ้า ทำให้ย่านนี้เริ่มเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น
นอกจากไทป์ห้องที่ตรงตามความต้องการแล้ว การตกแต่งห้องก่อนปล่อยเช่าก็ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับห้อง และยังช่วยดึงดูดความสนใจให้กับผู้เช่าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบิลท์อินตกแต่งเพิ่มความสวยงาม ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ รวมไปถึงการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทันสมัยเข้ามาใส่เพิ่ม ล้วนมีส่วนในการทำให้ปล่อยเช่าได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้
ปัจจุบันต้องยอมรับว่าธุรกิจอสังหาฯ มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นจุดเด่นและสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวโครงการเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Smart Home ที่ช่วยควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ทำให้ประหยัดการใช้พลังงานภายในห้อง ระบบ EV Charger ที่ตอบโจทย์เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต อีกทั้งยังตอบสนองนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงระบบ Auto Parking เป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับความปลอดภัย ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมให้ดีมากยิ่งขึ้น
5. คำนึงถึงการลงทุนระยะสั้น-ยาว
เมื่อมีการลงทุนเกิดขึ้น แน่นอนว่าต้องมีความคาดหวังของผลตอบแทน สำหรับการลงทุนในคอนโดมิเนียมนั้นมักมาในรูปแบบของการขายใบจองหรือปล่อยเช่า ซึ่งก็มีความเสี่ยงว่าจะมีผู้ซื้อหรือคนมาเช่าได้ตลอดหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดให้น้อยที่สุดในการลงทุน จึงควรคำนึงถึงระยะเวลาการลงทุนว่าต้องการลงทุน ”ระยะสั้น” หรือ ”ระยะยาว”
สำหรับ ”การลงทุนระยะสั้น” เป็นการลงทุนที่หวังส่วนต่างจากการขาย ดังนั้นการเลือกลงทุนประเภทนี้จึงต้องซื้อให้ได้ในราคาถูก เช่น การซื้อรอบพรีเซล นอกจากนี้การเลือกลงทุนระยะสั้นควรเลือกลงทุนในคอนโดมิเนียมที่มีทำเลดี มีความต้องการอยู่อาศัยสูงหรือกำลังมาแรงในขณะนั้น เรียกได้ว่าการลงทุนประเภทนี้ต้องอาศัยความเร็วและความแม่นยำเพื่อที่จะศึกษาและสามารถซื้อลงทุนได้เร็วกว่าคนอื่น ซึ่งหากมีความเชี่ยวชาญระดับหนึ่งก็สามารถทำกำไรจากการลงทุนประเภทนี้ได้สูง
ส่วน “การลงระยะยาว” เป็นการลงทุนที่หวังใน cash flow หรือกระแสเงินสดจากค่าเช่า ดังนั้นการลงทุนประเภทนี้จะต้องให้ผลตอบแทนค่าเช่าที่ค่อนข้างดีและมีความต้องการเช่าอยู่อาศัยสูง ซึ่งผลตอบเเทนจากค่าเช่าควรมากกว่า 6% และมีอัตราการถือครอบครองห้องมากกว่า 80% ขึ้นไป
ทั้งนี้ หากใครที่ยังไม่แน่ใจกับการลงทุนประเภทนี้ ปัจจุบันโครงการต่าง ๆ มีการใช้กลยุทธ์ในการการันตีผลตอบแทน (Yield Guarantee) ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนเพราะสามารถคืนผลประโยชน์กลับมาให้นักลงทุนได้จริง รวมไปถึงมีบริการในการนำห้องของนักลงทุนไปปล่อยเช่าให้ แล้วคืนผลกำไรโดยคิดคำนวนเป็น % ต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะได้ผลกำไรตามจริงหรือใกล้เคียงกับที่โครงการการันตีไว้ โดยการลงทุนรูปแบบนี้ก็มีข้อดีต่างจากการลงทุนระยะสั้น คือ ค่อนข้างมั่นคง สามารถถือได้ยาว ๆ และถ้าไม่ซีเรียสเรื่องระยะเวลาสุดท้ายก็จะเป็นหนทางสู่ Passive income ที่แท้จริง
- เจาะลึกแนวโน้มที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ 2019 และ ติดตามสภาพตลาดอสังหาฯ 2019 ผ่านรายงานจาก DDproperty
ลงทุนคุ้มค่า ไม่พลาดสักเหตุผล กับ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์
จาก 5 หลักในการเลือกลงทุนคอนโดฯ ให้คุ้มค่าข้างต้นนั้น ทำให้บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดโครงการ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ จากบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน) ด้วยเหตุผลหลากประการ
สำหรับโครงการโครงการ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ นั้นเป็นโครงการใหม่ล่าสุดที่ตั้งอยู่บน ถ.เทพารักษ์ โดดเด่นด้วยการเดินทางที่หลากหลาย เชื่อมต่อกับถนนเส้นหลัก 2 เส้น ได้แก่ สุขุมวิทและศรีนครินทร์ ใกล้ทางด่วน-วงแหวนอุตสาหกรรม รองรับการเดินทางในอนาคตอย่างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง โดยตัวโครงการห่างเพียง 0 เมตร จากสถานีทิพวัล และสามารถเชื่อมต่อ Interchange สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่สถานีสำโรง
นอกจากนี้ รอบตัวโครงการ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งอย่างปาล์ม ไอส์แลนด์, อิมพิเรียลเวิลด์ สำโรง, ตลาดธรรมโรจน์พินิจ, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, บิ๊กซี และเมกาบางนา สถานพยาบาลใกล้เคียง เช่น โรงพยาบาลจุฬารัตน์ และโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ รวมไปถึงสถานศึกษา เช่น โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ, โรงเรียนเซนต์โยเซฟทิพวัล และโรงเรียนอนุบาลบุษยมาส
ในส่วนของตัวโครงการเป็นคอนโดมิเนียม High Rise จำนวน 474 ยูนิต ซึ่งถือว่ามียูนิตน้อยเมื่อเทียบกับบริเวณโดยรวม ทำให้มีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่จัดมาให้อย่างครบครันเต็มอิ่มกว่า 15 รายการ ตั้งแต่สวนสีเขียว ล็อบบี้เพดานสูงถึง 2.8 เมตร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Rooftop Facility สวนชั้นดาดฟ้า พร้อมจุดชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา สวนส่วนกลางและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ รวมไปถึงการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต ทั้งระบบ Auto Parking ที่ช่วยในการจอดรถ ระบบ EV Charger รองรับอนาคต ระบบ Home Automation ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้อง และ Smart Mirror กระจกอัจฉริยะ พร้อมต่อเข้ากับระบบ Android ให้ผู้อยู่อาศัยได้เชื่อมต่อโลกดิจิตัลได้ตามใจต้องการ
มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลายถึง 4 แบบ ทั้ง Studio ขนาด 23 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 27 ตารางเมตร ซึ่ง Type นี้จะมีความพิเศษกว่า Type อื่น ๆ เพราะมีครัวแบบปิด และ 1 Bedroom Plus ขนาด 31-39 ตารางเมตร ทำให้มีตัวเลือกมากมายที่สามารถตอบโจทย์กับความต้องการทั้งในเรื่องของราคา การใช้งาน และขนาดครอบครัวตามความเหมาะสมของผู้อยู่อาศัย มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่ครบครันตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย
ตัวอย่าง Unit Type
จากศักยภาพดังกล่าวทำให้โครงการ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ มีแนวโน้มที่จะได้รับ Capital Gain ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังรถไฟฟ้าเสร็จ รวมทั้งยังส่งผลต่ออัตราค่าเช่าที่สูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย โดยกลุ่มลูกค้ามีทั้งชาวไทยและต่างชาติ อาทิ เอเชียและยุโรป ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยทำเลใกล้เมือง และใกล้แนวรถไฟฟ้าที่สามารถเดินทางได้สะดวกรวดเร็ว
ผู้สนใจสามารถมาสัมผัสทำเลแห่งอนาคตได้แล้ววันนี้ที่ โครงการ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ คอนโดมิเนียมแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท-เทพารักษ์ คุ้มค่าทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ตั้งอยู่บนทำเลสุดไพร์มที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตอย่างลงตัว พร้อมเชื่อมต่อการเดินทางสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว เพียง 0 ม. จากสถานีทิพวัล และเชื่อมต่อกับ สถานี Interchange สำโรง เพียง 1 สถานี ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.09 ล้านบาท* พร้อมชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้ Pre-sale 17 มีนาคม 2562 ลงทะเบียนออนไลน์ คลิก https://bit.ly/2RDmI4I หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2030-0000 #Origin #Knightsbridge #อัศวินติดเพชร
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
เพิ่มเติมความรู้ คู่มือซื้อ ขาย เช่าบ้าน-คอนโดฯ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรีเพียงลงทะเบียนกับเรา