เศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุด คาดปี 64 ฟื้น สวนทางตัวเลขคนว่างงานยังพุ่ง 

21 พ.ย. 2563

คาดการณ์เศรษฐกิจไทยช่วงรอยต่อปี 63-64 ผ่านพ้นจุดต่ำสุด ชี้ยังมีปัจจัยหนุนดันเศรษฐกิจ ส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยวโต แนะโฟกัส 8 ประเด็นหลัก ขณะที่ตัวเลขคนว่างงาน เด็กจบใหม่-จบสูงยังน่าห่วง หนี้ครัวเรือนยังเปราะบาง

นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 เศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยทรุด จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ แต่ล่าสุดทิศทางเศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ผ่านพ้นจุดต่ำสุด โดยในไตรมาส 3 ปี 2563 จากข้อมูลของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 3 ปีนี้ ติดลบ 6.4% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ติดลบถึง 12.1% รวมเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปี 2563 ติดลบ 6.7% 

ปัจจัยที่หนุนการเติบโตเศรษฐกิจไตรมาส 3 เนื่องจากมาตรการคลายล็อกดาวน์ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจทั้งปี 2563 ปรับตัวดีขึ้น โดยติดลบ 6% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 7.8% ถึงติดลบ 7.3%

หาคำตอบ ทำไมอสังหาฯ ไทย ยังน่าซื้อ

 

สัญญาณบวกเศรษฐกิจปีหน้าโต 3.5-4.5%

เศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้มจะกลับมาเป็นบวก โดยเติบโต 3.5-4.5% ด้วยแรงสนับสนุน ดังนี้ 

1. การปรับตัวดีขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ

2. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก

3. แรงขับเคลื่อนจากภาครัฐจากการเบิกจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณและมาตรการทางเศรษฐกิจ

4. ฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี 2563 

ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกจะขยายตัว 4.2% การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรวม ขยายตัว 2.4% และ 6.6% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.7-1.7% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP

5 ประเด็นต้องจับตากับทิศทางตลาดอสังหาฯ หลังโควิด-19

 

โฟกัส 8 ประเด็นนโยบายเศรษฐกิจปี 63-64 

ในส่วนของประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2563 และปี 2564 เรื่องที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่

1. การป้องกันการกลับมาระบาดระลอกที่สองในประเทศ 

2. การดูแลภาคเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดในการฟื้นตัว เร่งรัดติดตามมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การช่วยเหลือและดูแลแรงงาน การรณรงค์ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคอย่างรัดกุม และการดำเนินการด้านวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19

3. การขับเคลื่อนการใช้จ่ายภาครัฐ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ให้ได้ไม่น้อยกว่า 94.4% งบลงทุนรัฐวิสาหกิจให้ได้ไม่น้อยกว่า 70% งบเหลื่อมปีให้ได้ไม่น้อยกว่า 85% และการเบิกจ่ายโครงการตามพระราชกำหนดฯ เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทให้ได้ไม่น้อยกว่า 70%

4. การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการลงทุนภาคเอกชน การป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนและการแข็งค่าของเงินบาท และส่งเสริมการตลาดเชิงรุกผ่านช่องทางออนไลน์

5. การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน เร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในปี 2561-2563 ให้เกิดการลงทุนจริงขับเคลื่อนการส่งออกเพื่อเพิ่มการใช้กำลังการผลิต แก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการประกอบธุรกิจ

6. การดูแลราคาสินค้าเกษตรในบางพื้นที่ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด และการเตรียมการรองรับปัญหาภัยแล้ง

7. การรักษาบรรยากาศทางการเมือง 

8. การเตรียมรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกและการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

 

ตัวเลขว่างงานยังสูง โดยเฉพาะเด็กจบใหม่-จบสูง

ขณะที่ตัวเลขการว่างงานไตรมาส 3 ปี 2563 พบว่า มีผู้ว่างงาน 740,000 คน คิดเป็นอัตราการว่างงานเท่ากับ 1.90% ใกล้เคียงกับ 1.95% จากไตรมาส 2 โดยแรงงานอายุน้อยและการศึกษาสูงมีปัญหาการว่างงานมากกว่ากลุ่มอื่น ส่งผลให้แรงงานในระบบว่างงานเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนผู้ขอรับสิทธิว่างงาน 488,000 คน คิดเป็นอัตราผู้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานต่อผู้ประกันตันภาคบังคับที่ 4.4% เพิ่มจากไตรมาสก่อนที่ 3.5%

มาตรการที่ควรผลักดันในปี 2564 คือ มาตรการดูแลการจ้างแรงงานและคงการจ้างงานของภาคเอกชนให้มากที่สุด เพราะมีความเสี่ยงหากภาคเอกชนไปต่อไม่ได้ อาจปลดแรงงานบางส่วน ซึ่งสถาบันการเงินจำเป็นต้องเข้าไปหารือกับลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และดูแลลูกค้าเพื่อไม่ให้ในกลุ่มนี้กลายเป็น NPL

 

 

จับตาหนี้ครัวเรือน ชี้สถานะทางการเงินยังเปราะบาง

สำหรับสถานการณ์หนี้สินครัวเรือน ข้อมูลล่าสุดในไตรมาส 2 ปี 2563 พบว่า มีมูลค่า 13.59 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% ชะลอลงจาก 4.1% ในไตรมาส 1 ปี 2563 สาเหตุจากการหดตัวรุนแรงของเศรษฐกิจ ความเปราะบางทางการเงินครัวเรือนเพิ่มขึ้น คุณภาพสินเชื่อมีความเสี่ยงต้องจับตาใกล้ชิด

 

1.14 ล้านครัวเรือน เสี่ยงเป็น “ครัวเรือนยากจน”

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อความยากจนของคนไทย โดยพบว่า คนไทยมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สวนทางกับรายได้ที่ลดลง ทำให้มีหนี้สินเพิ่มขึ้น โดยเป็นหนี้ในระบบ 14% และหนี้นอกระบบ 9%

สิ่งที่น่ากังวล คือ กลุ่มครัวเรือนเปราะบาง ที่มีประมาณ 1.14 ล้านครัวเรือน เสี่ยงต่อการตกเป็นครัวเรือนยากจน จากผลกระทบดังกล่าว รัฐบาลจึงต้องเร่งมาตรการกระตุ้น อัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ลดความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของครัวเรือนยากจน โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายงบจากโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19

คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติวงเงินกู้ไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท จากจำนวนเงินกู้รวม 4 แสนล้านบาท แต่ในปัจจุบันกลับ พบว่า มีการเบิกจ่ายไปในวงเงินกว่า 9,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าดำเนินการค่อนข้างล่าช้า ไม่ทันต่อความเร่งด่วนในการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19

 

เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ เปิดประเทศดึงลงทุน-ท่องเที่ยว

นอกจากเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยด้วยวงเงินดังกล่าวแล้ว การเปิดประเทศ เพื่อดึงการลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศ ยังเป็นการดึงเม็ดเงินใหม่เข้ามาผลักดันเศรษฐกิจไทยอีกทางหนึ่ง โดยไทยเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถสกัดการระบาดของโควิด-19 ได้ดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาลดจำนวนวันกักตัว แต่ต้องดำเนินการด้านสุขอนามัยที่ได้มาตรฐานสากล

ตัวเลขสถิตินักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยลดลงอย่างมาก หากเปรียบเทียบระหว่างปี 2562 กับ 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไปถึง 77.29% และรายได้ลดลงไปถึง 76.77%

คงต้องจับตาดูว่าศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวหลังผ่านพ้นจุดต่ำสุด รัฐบาลเร่งผลักดันการบริหารและนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวม หนุนการส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยว นำรายได้หลักเข้าประเทศ พร้อมเร่งแก้ปากท้อง ทั้งปัญหาคนว่างงานและหนี้ครัวเรือนนั้น จะมีแนวโน้มหรือสัญญาณบวกที่ขึ้นตามการคาดการณ์หรือไม่ ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเศรษฐกิจดี คนมีกำลังซื้อ ก็เป็นโอกาสของตลาดซื้อ-ขาย-เช่า ที่จะกลับมาสดใส “ซื้อง่ายขายคล่อง” ในปี 2564

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ