อสังหาฯ ไตรมาสแรกยังน่าซื้อ พร้อมส่อง 5 ทำเลราคาพุ่ง

12 มี.ค. 2563

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ชะลอตัวต่อเนื่อง จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ผูัประกอบการชะลอโครงการใหม่ อัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ระบายสต็อกคอนโด โฟกัสตลาดแนวราบ รอตลาดฟื้นตัว

 

Subscription Banner for Article

 

ราคาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 มีแนวโน้มทรงตัวจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องมาจากปี 2562 และปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ อาทิ หนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือ Loan to Value: LTV ของทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ปี 2563

 

กำลังซื้อถดถอย ผู้ประกอบการตรึงราคาอสังหาฯ

จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทำให้ผู้ซื้อไม่มั่นใจและชะลอการซื้อที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอการขึ้นราคาที่อยู่อาศัย และต้องจูงใจผู้ด้วยโปรโมชั่น รวมถึงแคมเปญลด แลก แจก แถมต่าง ๆ

PMIQ1-FB1

จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index รอบล่าสุด พบว่า ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ปี 2562 ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากมาอยู่ที่ 207 จุด จาก 221 จุด ในไตรมาสก่อนหน้า หรือปรับลดลงราว 6% นับเป็นดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส (นับจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2560)

สอดคล้องกับจำนวนบ้านและคอนโดที่นำออกมาขายใหม่ปรับตัวลดลง โดยดัชนีอุปทานที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ปี 2662 ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยปรับลดจาก 367 จุด ในไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 336 จุด หรือลดลงถึง 8% สะท้อนให้เห็นว่าผู้ขายชะลอการนำสินค้าออกมาขายเพื่อรอช่วงเวลาที่เหมาะสม

 

เรียลดีมานด์ดันแนวราบรุ่ง สวนทางคอนโดฯ สะดุด

ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุดคือ คอนโดมิเนียม โดยปรับตัวลดลงราว 5% จากช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบมีดัชนีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 2% และเพิ่มขึ้นถึง 12% ในรอบ 2 ปี แสดงให้เห็นว่าความต้องการของที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ยังไม่สะดุดเหมือนคอนโดมิเนียม เนื่องจากจุดประสงค์ในการซื้อส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าซื้อเพื่อลงทุน

ตลาดคอนโดฯ ปี 63 จะไปทิศทางไหน?

 

aerial view of home and house in village of land development outskirt of bangkok thailand on cloudy day

 

ปี 2563 ปีแห่งการระบายสต็อก เจาะตลาดแนวราบ

ด้านอุปทานในปี 2563 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อเร่งระบายสินค้าที่มีอยู่ในตลาด โดยเฉพาะสินค้าระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีอยู่ในตลาดถึง 87% ของอุปทานทั้งหมด พร้อมออกโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อเร่งให้เกิดการตัดสินใจซื้อต่อไป หรือหากจะเปิดโครงการใหม่ จะเน้นสินค้าประเภทแนวราบมากขึ้น เจาะกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง

โดยคอนโดมิเนียมยังคงมีสัดส่วนอุปทานมากที่สุด คิดเป็น 89% ของจำนวนอุปทานที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ทั้งหมด ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3.5-8.5 ล้านบาท ขณะที่ทาวน์เฮ้าส์ มีจำนวนอุปทานเพิ่มขึ้น 4% ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาไม่เกิน 3.5 ล้านบาท และบ้านยังคงมีสัดส่วนอุปทานเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 18% โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับราคา 3.5-8.5 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นของผู้ประกอบการที่หันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น และชะลอการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่

โจทย์ใหญ่ อสังหาฯ ปี 63 ยุคที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว

 

เขตวัฒนา-ประเวศ ทำเลอุปทานที่อยู่อาศัยสูงสุด

ทำเลที่มีอุปทานคอนโดมิเนียมสูงที่สุดคือเขตวัฒนา โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 19% ของอุปทานคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ทั้งหมด โดย 48% อยู่ในแขวงคลองตันเหนือ (เอกมัย ทองหล่อ พร้อมพงษ์) ระดับราคาที่มีจำนวนมากที่สุดคือ คอนโดราคา 3.5-8.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงเก่าที่นำมารีเซล

นอกจากนี้เขตวัฒนายังมีอุปทานทาวน์เฮ้าส์สูงที่สุด โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 8% ของอุปทานทาวน์เฮ้าส์ทั้งหมดในกรุงเทพฯ โดย 55% อยู่ในแขวงคลองตันเหนือ (เอกมัย ทองหล่อ พร้อมพงษ์) เช่นเดียวดับเขตประเวศที่มีสัดส่วนจำนวนอุปทานบ้านเดี่ยวสูงสุด โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 8% ของอุปทานบ้านเดี่ยวทั้งหมดในกรุงเทพฯ โดย 55% อยู่ในแขวงประเวศ (พัฒนาการ อ่อนนุช)

 

อานิสงส์จากเส้นทางรถไฟฟ้า ดันราคาอสังหาฯ พุ่ง

PMIQ1-FB2

ทำเลที่ได้รับอานิสงส์จากเส้นทางรถไฟฟ้าอย่างชัดเจน คือ

1. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยหลังจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-หลักสอง เปิดให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 ทำให้ดัชนีราคาของที่อยู่อาศัยในทำเลนี้เพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 37% จากไตรมาสก่อน โดยราคากลางเฉลี่ยของทำเลนี้อยู่ที่ 178,496 บาทต่อตารางเมตร

โดยระดับราคาที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ 15 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนที่อยู่อาศัยที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดคือทาวน์เฮ้าส์ เพิ่มขึ้นถึง 18% จากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะในแขวงป้อมปราบ โดยสินค้าในทำเลนี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการรีเซล หรือโครงการเก่านำกลับมาขายใหม่ เนื่องจากมีโครงการใหม่เปิดตัวไม่มาก

ส่วนทำเลที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นรองลงมา ได้แก่

2. เขตคันนายาว ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 60,211 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 33%

3. เขตบางบอน ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 40,648 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 7%

4. เขตภาษีเจริญ ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 67,969 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 5%

5. เขตดอนเมือง ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 31,607 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 4%

ส่วนทำเลที่มีดัชนีราคาลดลงมากที่สุด คือ

1. เขตจตุจักร ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 113,636 บาทต่อตารางเมตร ลดลง 17%

2. เขตดินแดง ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 105,367 บาทต่อตารางเมตร ลดลง 15%

3. เขตบางกอกใหญ่ ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 66,071 บาทต่อตารางเมตร ลดลง 15%

4. เขตบางพลัด ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 79,365 บาทต่อตาางเมตร ลดลง 8%

5. ห้วยขวาง ราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 115,385 บาทต่อตารางเมตร ลดลง 8%

 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ยังเป็นตลาดของผู้ซื้อที่มีความพร้อม เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่คงที่ หรือปรับลดลง อีกทั้งผู้ขายยังพากันแข่งออกโปรโมชั่นและส่วนลด เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะเจอพิษโควิด-19 เล่นงาน สถานการณ์โดยภาพรวมก็ยังเติบโตแบบชะลอตัว

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ปี 63 คอนโดยังมีมากสุด จับตาไตรมาสแรกสะดุดไวรัสโคโรนา

แนวโน้มภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2563 ค่อนข้างทรงตัว แต่มีโอกาสขยายตัวสู

อ่านต่อ17 ก.พ. 2563