สรุป พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 16 ข้อ ห้ามทำ-ควรทำ

26 มี.ค. 2563

รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมเข้มสกัดโควิด-19 ระบาดวงกว้าง ย้ำชัด 16 ข้อกำหนดปฏิบัติตามตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.-30 เม.ย.63 ฝ่าฝืนระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตราย ประกอบกับในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยังไม่มียารักษาโดยตรง จึงมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกต้องประกาศให้การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ และขอให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดเด็ดขาดยิ่งขึ้น

ในกรณีของประเทศไทย การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือเป็นสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มงวดและเร่งด่วนเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง

 

Subscription Banner for Article

 

ล่าสุด รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม-30 เมษายน 2563 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่ง พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรึ โดยความห็นชอบของคณะรัฐมนตรี โดยมี 16 ข้อกำหนด ดังต่อไปนี้

 

สรุป พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ยังไม่ใช่การเคอร์ฟิว ยกเว้นกลุ่มเสี่ยง

สิ่งที่ห้ามทำ

– ห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง

– ชาวต่างชาติห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (ยกเว้นคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ)

– ห้ามชุมนุม

– ห้ามกักตุนสินค้า

– ห้ามแพร่ข่าวปลอม

 

สิ่งที่ควรทำ

– ผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูต หลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคในระบบทางเดินหายใจ และโรคภูมิแพ้ และเด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบ ไม่ควรออกจากบ้าน

– งดเดินทางออกนอกประเทศ

– งดเดินทางข้ามจังหวัด

– งดจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน หรือสงกรานต์

 

ยังออกไปทำงานได้ไหม

– ข้าราชการ ลูกจ้างต่าง ๆ ยังทำงานได้ปกติ แต่ต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น สวมหน้ากากอนามัยและอื่น ๆ ตามข้อต้องทำป้องกันโควิด-19

 

สถานที่ไหนปิดบ้าง

– พื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ อาทิ สนามมวย สนามกีฬา ผับ ฟิตเนส สถานบันเทิง ฯลฯ ตามที่มีการประกาศไปแล้ว

 

สถานที่ไหนยังเปิดบ้าง

– โรงงาน ร้านอาหาร (ซื้อกลับบ้าน) ห้างสรรพสินค้าในโซนซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา อาหารสัตว์ และสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ส่วนบริการขนส่งสินค้า ตลาดหลักทรัพย์ สถาบันการเงิน สถานีตำรวจ และสถานที่ราชการ

 

เนื้อหาโดยย่อของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

1. การห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง

ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดต่อเชื้อโรคโควิด-19

 

2. การปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรค

สั่งปิดสถานที่ซึ่งมีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกันและเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 เป็นการชั่วคราว ดังต่อไปนี้

– สนามมวย สนามกีฬา สนามแข่งขัน สนามเด็กเล่น สนามม้า ในทุกจังหวัด

– ผับ สถานบริการ สถานที่แสดงมหรสพ สถานที่มีการแสดงหรือการละเล่นสาธารณะ สถานประกอบการอาบ อบ นวด และนวดแผนโบราณ สปา สถานที่ออกกำลังกาย (ฟิตเนส) สถานบันเทิง ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร

– สถานที่อื่นนอกจากนี้ เช่น แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ พิพิธภัณฑสถาน ห้องสมุดสาธารณะ ศาสนสถาน สถานีขนส่งหรือโดยสาร ตลาด และห้างสรรพสินค้า

สารฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 หาได้ง่าย ๆ ในบ้านคุณ

 

Foreigner covid-19

 

3. การปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร

ในการใช้ยานพาหนะไม่ว่าจะเป็นอากาศยาน เรือ รถยนต์ หรือพาหนะอื่นใด หรือในการใช้เส้นทางคมนาคมไม่ว่าทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางบก เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปิดช่องทางเข้าออก ด่าน จุดผ่านแดน หรือ จุดผ่อนปรนตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง สำหรับผู้โดยสารหรือผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

 

4. การห้ามกักตุนสินค้า

ห้ามผู้ใดกักตุนสินค้าซึ่งเป็นยา เวชภัณฑ์ อาหาร น้ำดื่ม หรือสินค้าอื่นที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง และไม่เกิดภาวะขาดแคลนหรือเดือดร้อนเกินสมควร

 

5. การห้ามชุมนุม

ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย

 

6. การเสนอข่าว

ห้ามการเสนอข่าวหรือทำให้แพร่หลายทางสื่อต่าง ๆ ซึ่งมีข้อความหรือข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 อันไม่เป็นความจริง และอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารดังกล่าว อันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน

รวมมาตรการรัฐ ช่วยเหลือประชาชนช่วงโควิด-19

 

7. มาตรการเตรียมรับสถานการณ์

– ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เป็นผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทุกมิติในเขตท้องที่ที่ตนรับผิดชอบ หากมีปัญหาให้รายงานกระทรวงมหาดไทย

– ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งกำหนดและประชาสัมพันธ์เผยแพร่มาตรการเพื่อช่วยเหลือหรือบรรเทาผลกระทบอันเกิดจากการบังคับใช้มาตรการของรัฐต่อประชาชน

– ให้โรงพยาบาล สถานพยาบาลหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจในการป้องกันและดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งภาครัฐและเอกชน จัดหายา เวชภัณฑ์ เครื่องมือในการตรวจโรค เครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์อื่น ๆ รวมทั้งเตรียมหาบุคลากรทางการแพทย์จากแหล่งต่าง ๆ และเตรียมสถานที่กักกัน สถานที่คุมไว้สังเกต หรือเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจเพิ่มขึ้น

 

8. มาตรการพึงปฏิบัติสำหรับบุคคลบางประเภท

ให้กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 ได้ง่าย อยู่ในเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน เพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ ได้แก่

– ผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป

– กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคในระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้

– กลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปีลงมา

 

9. มาตรการเกี่ยวกับการออกนอกราชอาณาจักร

ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้มงวดในการตรวจลงตราหรือออกวีซ่าหรืออนุญาตให้ชาวต่างประเทศ ซึ่งมิได้มีกิจการงานปกติหรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ยังคงอยู่ในราชอาณาจักร

รถไฟฟ้าสกัดเชื้อโควิด-19 เปิด 12 มาตรการคุมเข้ม

 

10. มาตรการดูแลความสงบเรียบร้อย

ในกรุงเทพฯ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดเวรยามหรือตั้งจุดตรวจตามถนน เส้นทางคมนาคม สถานีขนส่งหรือโดยสาร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ การก่ออาชญากรรม

 

11. มาตรการป้องกันโรค

ให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดเพื่อใช้ปฏิบัติเป็นการทั่วไป หรือใช้ในกรณีผ่อนผัน หรือยกเว้นการปฏิบัติตามข้อกำหนด ดังนี้

1) ให้ทําความสะอาดโดยการเช็ดทําความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้อง ก่อนการจัดกิจกรรม และให้กําจัดขยะมูลฝอยทุกวัน

2) ให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมกิจกรรม ลูกจ้าง ผู้ใช้บริการสวม หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า

3) ให้บุคคลตาม (2) ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจลหรือน้ํายาฆ่าเชื้อโรค

4) ให้บุคคลตาม (2) เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตรเพื่อป้องกันการติดต่อ สัมผัส หรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ำลาย

5) ให้ควบคุมจํานวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทํากิจกรรมให้สั้นลง เท่าที่จําเป็นโดยถือหลักการหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน

เจ้าหน้าที่อาจเพิ่มมาตรการใช้แอปพลิเคชันติดตามตัวทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ และนํามาตรการคุมไว้สังเกตหรือมาตรการกักกันตัวอย่างน้อย 14 วันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อมาใช้แก่ บุคคลบางประเภทหรือบางคนได้ตามความจําเป็น

เช็กสินเชื่อธนาคารรัฐ-พาณิชย์ ช่วยลูกหนี้โดนผลกระทบโควิด-19

 

Close mall covid-19

 

12. นโยบายการยังคงให้เปิดสถานที่ทำการ

รัฐบาลมีนโยบายให้โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านอาหารในส่วนซึ่งมิใช่สถานบันเทิงหรือสถานบริการและแผงจำหน่ายอาหารซึ่งผู้บริโภคซื้อไปบริโภคนอกสถานที่ ยังคงประกอบกิจการต่อไปได้ตามปกติ เพื่อความสะดวกและความเป็นอยู่ตามปกติของประชาชน

 

13. คำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด

ในช่วงเวลานี้ประชาชนพึงงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในระยะนี้ โดยไม่จำเป็นและควรพักหรือทำงานอยู่ ณ ที่พำนักของตน

 

14. คำแนะนำในการจัดกิจกรรมอื่น ๆ

การจัดกิจกรรมหรือพิธีการทางสังคมตามประเพณีนิยม เช่น พิธีมงคลสมรส พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ พิธีบำเพ็ญกุศล พิธีศพ พิธีสงกรานต์ หรือกิจกรรมภายในครอบครัว ยังคงจัดได้ตามความเหมาะสม

 

15. โทษ

ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ข้อ 1, 2, 3, 4, และ 5 ต้องรับโทษ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 หรือมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 แล้วแต่กรณีด้วย

 

16. การใช้บังคับ

ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับทั่วราชอาณาจักร รวมทั้งพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

8 มาตรการเยียวยาลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

โควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 0.75%

กนง.นัดประชุมรอบพิเศษ ประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิ

อ่านต่อ21 มี.ค. 2563