ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ปรับลดเงินสมทบ “รอบใหม่” ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เหลือฝ่ายละ 2.5% ของค่าจ้าง เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564
ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 2.5%
ครม. มีมติเห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. ….. โดยให้ลดอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอก 3 ดังนี้
1. นายจ้างและผู้ประกันตน มาตรา 33 ลอดอัตราเงินสมทบ จากเดิมฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2.5% ของค่าจ้างผู้ประกันตน
2. ผู้ประกันตนมาตรา 39 เหลืออัตราเดือนละ 216 บาท
เป็นเวลา 3 เดือนในงวดเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564 ส่วนงวดเดือนกันยายน 2564 เป็นต้นไป ให้ส่งเงินสมทบอัตราเดิม ทั้งนี้ จะเสนอเข้า ครม. ภายในสัปดาห์หน้า
การลดเงินสมทบในครั้งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อนายจ้างและผู้ประกันตน นายจ้าง จำนวน 485,113 ราย ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11,164,384 คน และผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1,832,500 คน สามารถนำเงินสมทบที่ลดลงไปใช้จ่ายเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20,163 ล้านบาท
กรณีว่างงาน จาก ‘โควิด-19’ ขอรับเงินเยียวยาได้
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันมีสถานประกอบกิจการหลายประเภทได้รับผลกระทบต้องปิดหรือหยุดประกอบการส่งผลต่อลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนต้องหยุดงานชั่วคราวและไม่มีรายได้ สำนักงานประกันสังคมมีความพร้อมในการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาจากประกันสังคม
– ต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ส่งเงินสมทบครบ 6 เดือนใน 15 เดือน
– ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานหรือนายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากต้องกักตัวเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือกรณีหน่วยงานภาครัฐมีคำสั่งให้นายจ้างหยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย โดยการหยุดงาน ลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้าง
โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยในอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวัน ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน
ทั้งนี้ ลูกจ้างผู้ประกันตนไม่ต้องขึ้นทะเบียนว่างงานกับสำนักงานจัดหางานให้ยื่นเฉพาะคำร้องขอรับประโยชน์ทดแทน ในส่วนของนายจ้างก็ไม่ต้องแจ้งลาออกหรือเลิกจ้าง แต่ให้ส่งหนังสือรับรองว่าลูกจ้างไม่ได้ทำงานกี่วัน
ดูขั้นตอนรับเงินเยียวยา กรณีว่างงาน จาก ‘โควิด-19’ ได้ที่นี่
ปรับเพิ่มค่าคลอดบุตร-สงเคราะห์บุตร
สำนักงานประกันสังคม ได้ปรับเพิ่มประโยชน์ทดแทนกรณีการฝากครรภ์ตามเกณฑ์คุณภาพ ให้กับผู้ประกันตน โดยปรับเพิ่มค่าฝากครรภ์ 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,500 บาท จากเดิม 3 ครั้ง 1,000 บาท ดังนี้
1.อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 500 บาท
2.อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท
3.อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท
4.อายุครรภ์มากกว่า 28 สัปดาห์แต่ไม่เกิน 32 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท
5.อายุครรภ์มากกว่า 32 สัปดาห์ถึง 40 สัปดาห์ขึ้นไป จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท
นอกจากนี้ ยังมีการปรับเพิ่มค่าคลอดบุตรเป็น 15,000 บาท จากเดิม 13,000 บาท ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยผู้ประกันตนไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลใดก็ได้ รวมถึงมีเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นเวลา 90 วัน ไม่เกิน 2 ครั้ง
สำหรับผู้ประกันตนชายที่มีภริยาจดทะเบียนสมรส หรือหญิงซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยา แต่มิได้จดทะเบียนสมรสจะได้รับเฉพาะเงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย จำนวน 15,000 บาท
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า