การสร้างบ้านหรือการซื้อบ้านที่มีการก่ออิฐฉาบปูนนั้นเป็นถือเป็นรูปแบบบ้านที่นิยมมาก เนื่องจากการสร้างบ้านหรือซื้อบ้านไม้นั้นราคาสูงและเป็นวัสดุที่หายาก แม้กระทั่งโครงสร้างสำเร็จรูปอย่างพรีคาสท์ก็ผลิตจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ข้อดีคือราคาถูกกว่า แต่ข้อเสียคือ บ้านปูนมักจะร้อนกว่าบ้านรูปแบบอื่น ลองมาดู 6 วิธีคลายร้อนให้บ้านปูนได้ที่นี่
บ้านปูนร้อนจริงหรือ?
ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านไม้แล้ว บ้านปูนนั้นร้อนกว่าโดยที่คุณไม่ได้คิดไปเองอย่างแน่นอน เนื่องจากปูนเป็นวัสดุที่ดูดซึมความร้อนได้ดีกว่าไม้ และคายความร้อนได้แย่กว่าไม้ ในเวลากลางวันที่แดดจัด ๆ ดาดฟ้าและผนังโดยเฉพาะบริเวณที่รับแดดโดยตรงจะดูดซับความร้อนและอมความร้อนเก็บไว้ หากลองสัมผัสผนังดูจะรู้สึกร้อน แต่พอถึงช่วงกลางคืนเมื่ออากาศเริ่มเย็นลงปูนก็จะเริ่มคายความร้อนออกมาช้า ๆ ด้วยการแผ่ความร้อน และต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงจึงจะคลายความร้อนหมดและเย็นลง
คลายร้อนให้บ้านปูนได้อย่างไร?
การคลายร้อนให้บ้านปูนนั้นทำได้หลายวิธี ด้วยหลักการลดการนำความร้อนจากภายนอกที่จะผ่านเข้ามาสู่ภายในตัวบ้าน ด้วยการลดการสัมผัสกับแดดโดยตรงต่อส่วนต่าง ๆ ของบ้านปูน รวมไปถึงการลดปริมาณแสงแดดที่ส่องตรงเข้ามายังพื้นที่ภายในบ้าน
1. ชายคาบ้าน
การออกแบบบ้านให้ชายคาบ้านที่ยื่นยาวออกมาตั้งแต่ 1.5 เมตรขึ้นไปจะสามารถช่วยป้องกันแดดช่วงบ่ายไม่ให้ส่องทแยงมาโดยผนังโดยตรงได้ ทำให้ผนังไม่ร้อนมากนัก
2. กันสาด ม่านและฟิล์มกรองแสง
การติดกันสาดบริเวณเหนือหน้าต่าง นอกจากจะช่วยกันฝนสาดเข้ามาที่หน้าต่างแล้ว ยังช่วยลดแสงแดดที่จะส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในบ้านโดยตรง ถ้าหากกลัวว่าการติดกันสาดจะทำให้เสียความสวยงามสามารถใช้การติดฟิล์มกรองแสงทดแทน ซึ่งสามารถลดการส่งผ่านความร้อนได้ หรือจะใช้ม่านที่มีแผ่นยูวีสะท้อนแสงและปิดม่านเป็นประจำเมื่อมีแดดส่องก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้เช่นกัน
3. ระแนงกันแดด
เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยพรางแสงไม่ให้ส่องกระทบผนังโดยตรง สามารถติดตั้งต่อเนื่องลงมาจากชายคาลงมาตลอดแนวผนัง หรือติดตั้งเพียงบางช่วงเพื่อทำหน้าที่กันแดดแทนกันสาด หรือทดแทนในกรณีที่ชายคาสั้นก็ได้
4. ผนังสองชั้น
เหมาะที่จะใช้กับคอนโดมิเนียมหรือบ้านที่มีข้อจำกัดเรื่องการเปลี่ยนแปลงผนังด้านนอก สามารถทำได้ด้วยการทำผนังเบาขึ้นมาอีกชั้น โดยเว้นช่องว่างระหว่างผนังเก่าและผนังที่ทำขึ้นใหม่ประมาณ 10 เซนติเมตร โดยใช้อากาศตรงกลางเป็นฉนวน หรือจะใส่ฉนวนกันความร้อนไว้ตรงกลางก็ได้ สามารถลดความร้อนที่จะทะลุผ่านเข้าสู่ตัวห้องได้ระดับหนึ่ง

5. ปลูกต้นไม้คลุมดาดฟ้า และสวนแนวตั้ง
วิธีการนี้นอกจากจะสามารถคลายร้อนได้แล้ว ยังให้ความสวยงามอีกด้วย ต้นไม้ที่นิยมนำมาปลูกบนสวนแนวตั้ง ได้แก่ เฟิร์นต่าง ๆ สัปปะรดสี และไม้เลื้อยต่าง ๆ
วิธีการจัดเรียงให้จัดพื้นที่ที่ต้องการความชุ่มชื้นน้อยไว้ด้านบน และพื้นที่ต้องการความชื้นมาไว้ด้านล่าง เนื่องจากเวลารดน้ำ น้ำจะไหลลงไปสู่พืชที่ชอบน้ำมากด้านล่าง ก่อนติดตั้งสวนแนวตั้งต้องสำรวจให้แน่ใจว่าโครงสร้างของผนังมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักไหว
ส่วนบนดาดฟ้านั้นเหมาะแก่การปลูกต้นไม้คลุมดินทั่วไป จำพวกหญ้าหรือหนวดปลาดุกแคระ เน้นให้แผ่ปกคลุมทั่วพื้นดาดฟ้า แต่ดาดฟ้าบ้านทั่วไปซึ่งไม่ได้ออกแบบมาล่วงหน้าให้ทำสวนปลูกต้นไม้ ควรหลีกเลี่ยงการนำกระถาง หรือก่อกระบะปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ หรือทำโครงสร้างที่มีน้ำหนักมาก
กรณีที่เป็นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์หลังริมอาจจะปลูกต้นไม้ที่เป็นพุ่มทรงสูงเอาไว้ข้างบ้านเพื่อกรองแสงได้อีกทางหนึ่ง ต้นไม้ที่เหมาะสมได้แก่ ต้นจั๋ง ต้นโมก ต้นแก้ว ต้นเฮลิโคเนีย เป็นต้น ควรเลือกต้นไม้ที่ไม่มีกิ่งก้านแผ่กว้าง ต้นสูงใหญ่และรากยาวไกล เพราะอาจจะรบกวนโครงสร้างบ้านได้
6. เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
วิธีการหนึ่งที่ทำได้เลยง่าย ๆ คือการเปิดหน้าต่างเพื่อระบายความร้อน เมื่อกลับถึงบ้าน สามารถใช้พัดลมช่วยเร่งการระบายอากาศร้อนให้เร็วขึ้นได้ โดยเฉพาะห้องนอนชั้นบนที่ปิดประตู-หน้าต่างทั้งหมดเมื่อไม่อยู่บ้านจะสะสมความร้อนเอาไว้ ถ้ามีการถ่ายเทอากาศออกไปก่อนเปิดเครื่องปรับอากาศจะช่วยให้ห้องเย็นเร็วขึ้น และช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ นักเขียนออนไลน์ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ