Cryptocurrency กับการซื้อ-ขายบ้านในยุคสังคมไร้เงินสด

กระแสของคริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) ในปัจจุบันค่อนข้างได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายเกาะเทรนด์ Cryptocurrency เปิดซื้อขายบ้านและคอนโดผ่านสกุลเงินดิจิทัลแทนเงินสด ลองมารู้จักเทรนด์นี้ รวมถึงมุมมองเกี่ยวกับ Cryptocurrency กับการซื้อขาย-บ้าน-คอนโดในปัจจุบันว่ามีสิ่งที่ต้องระวังอย่างไรบ้าง

คริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนผ่านอินเทอร์เน็ต บริหารจัดการโดยระบบบล็อกเชน (Blockchain) ที่แต่เดิมอาจรู้จักในกลุ่มของนักลงทุนเพื่อหวังกำไร ต่อมา Cryptocurrency ได้รับการยอมรับมากขึ้นให้สามารถนำมา "ใช้จ่ายแทนเงินสด" ซื้อสินค้าและบริการได้ และค่อย ๆ เริ่มขยายวงกว้างสู่หลากหลายธุรกิจ จนมาถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าที่สนใจ Cryptocurrency และมีรายได้จากการถือ Cryptocurrency เพิ่มมากขึ้น และมีความต้องการแลกเปลี่ยน Cryptocurrency มาเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือเงินจริง ๆ ที่ไม่ใช่สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนและความเสี่ยงสูง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายของผู้ประกอบการอสังริมทรัพย์ ในช่วงที่นักลงทุนต่างชาติซบเซา

โดยจะเห็นได้ว่าเริ่มมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางรายที่เปิดให้ซื้อขายบ้านและคอนโดผ่าน Cryptocurrency ได้ ซึ่งเห็นภาพชัดเจนขึ้นในช่วงที่มีการแพรระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 นอกจากจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่สร้างความน่าสนใจแล้ว นี่อาจเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การปรับตัวของผู้ประกอบการ และเป็นหนทางเพิ่มโอกาสในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์

1. บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มองว่าปัจจุบันตลาด Cryptocurrency ได้รับความสนใจมากขึ้น จากมูลค่าของตลาด Cryptocurrency ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในปีนี้มูลค่าของเหรียญ BITCOIN: BTC ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่เกิน 2,000,000 บาทต่อ 1 เหรียญ BTC แสดงให้เห็นว่าวิถีการลงทุนในทรัพย์สินของคนยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนไป

อนันดาฯ จึงเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถใช้เหรียญ Cryptocurrency แทนเงินสด ในการชำระค่าใช้จ่ายในการซื้อขายบ้านและคอนโดทุกโครงการ ผ่าน Wallet ของบิทคับ (Bitkub) ซึ่งเป็นบริษัทด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการบล็อกเชนและ Cryptocurrency

โดยเปิดรับเงินสกุลคริปโทฯ ที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก 3 สกุล ประกอบด้วย Bitcoin: BTC, Ethereum: ETH และ Tether USD: USDT คาดว่าจะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในการแลกเปลี่ยนผ่านสกุลเงิน Cryptocurrency และช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมได้มากขึ้น

2. บริษัท 1.6 ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด ได้ร่วมมือกับทาง Zipmex แพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดให้นักลงทุนซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ด้วย Cryptocurrency โดยผู้ที่สนใจจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ โครงการมิกซ์ยูส ย่านทองหล่อ (โครงการร่วมทุนกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) สามารถเลือกชำระเงินด้วย Bitcoin: BTC, Ethereum: ETH, Tether USD: USDT และ Zipmex: ZMT ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า และสนับสนุนสังคมไร้เงินสด สอดรับกับกระแสโลกที่เริ่มหันมายอมรับการชำระเงินผ่าน Cryptocurrency

3. บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยความที่กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ในกลุ่มราคา 2-5 ล้านบาท ที่ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาในเรื่องของการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้ จึงอยากเน้นไปที่กลุ่มที่จับต้องได้มากกว่า

ควบคู่ไปกับตั้งทีมศึกษาลูกค้าที่ใช้เงินสกุลดิจิทัล ซึ่งเปรียบเหมือนมีเงินอยู่แล้วและต้องการจะเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ดี ตลาด Cryptocurrency ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูง เหมาะกับบางเซกเมนต์ และยังไม่ใช่จังหวะเวลาที่เหมาะสม คงต้องรอให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครบ ตลาดฟื้นตัว และกลุ่มนักลงทุนกลับมา คาดว่าในปี 2565 จะเริ่มเห็นแนวโน้มที่ดี

4. บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกระกระแสการรับชำระด้วย Cryptocurrency ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะความชัดเจนในเรื่องของภาษี หากมีความชัดเจนก็พร้อมที่จะรับการจ่ายด้วย Cryptocurrency แต่ต้องเป็นสกุลที่ได้รับความนิยม เช่น Bitcoin: BTC และเพื่อป้องกันความเสี่ยง จะไม่ถือเป็น Cryptocurrency แต่จะแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทในทันที

5. บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการศึกษาทำความเข้าใจ และมองว่าเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างหวือหวา ที่ผ่านมาเป็นการซื้อหุ้น ลงทุน และเก็งกำไร แต่การซื้อขายสินทรัพย์จริง ๆ ยังไม่มี โดยขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะนำเงินสกุลดิจิทัลมาซื้อขายกับที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ ต้องรอให้คนไทยมีความเข้าในใจการลงทุนกับเงินสกุลดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงได้รับการยอมรับจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

6. บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มีมุมมองว่า เรื่องค่าเงินดิจิทัลยังค่อนข้างใหม่ อีกทั้งขณะนี้คนต่างชาติยังเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยได้ยาก ลูกค้ากลุ่มหลักปัจจุบันนี้จึงเป็นคนไทย ผู้ประกอบการ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ค้าวัสดุก่อสร้างเป็นคนไทย มีความต้องการเงินบาทมากที่สุด เพราะไม่มีความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นเทรนด์ในอนาคต แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าเร็วหรือช้าเพียงใด ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

แม้ Cryptocurrency จะเริ่มเป็นที่ยอมรับ แต่ก็เป็นเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้ แต่ในภาพรวมแล้วในไทย สกุลเงินดิจิทัลยังไม่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ และไม่มีการใช้สินทรัพย์มาค้ำประกันจึงค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง

ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. มีมุมมองว่า การพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Cryptocurrency มีการใช้กันมากขึ้น นับตั้งแต่สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สินทรัพย์ดิจิทัล ในปี 2561 นอกจากจะมีผู้ให้บริการทำธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลค่อนข้างมากแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มขึ้น

ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย Cryptocurrency ในตลาดของไทยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2561-2563) พบว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น 17 เท่า ซึ่งแนวโน้มน่าจะเพิ่มมากขึ้น โดยมูลค่าการซื้อขาย Cryptocurrency ของไทยน่าจะนำประเทศอื่นในอาเซียนและรองจากสิงคโปร์

ปัจจุบันการเข้ามาถือ Cryptocurrency ส่วนใหญ่เป็นการเก็งกำไรมากกว่า หน่วยงานกำกับจึงมีความเป็นห่วง แต่ยังไม่เห็นภาพชัดเจนว่ามีการใช้ Cryptocurrency สนับสนุนการชำระเงิน แต่ในช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีเคสบริษัทใหญ่ในสหรัฐและไทย รวมไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดให้ชำระเงินด้วย Cryptocurrency ได้ ซึ่งเป็นพัฒนาการใหม่ที่ ธปท. ต้องจับตาดูเช่นกัน เพราะเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ถ้าหากคนเริ่มมาใช้ Cryptocurrency แทนเงินบาท ซึ่งอาจจะเริ่มกระทบนโยบายของ ธปท. ได้

แม้ว่าเทรนด์ Cryptocurrency จะมีแนวโน้มได้รับความสนใจมากขึ้น แต่ด้วยความผันผวน และความเสี่ยงที่มาพร้อมกัน ผู้บริโภคจึงต้องมีความระมัดระวังทั้งในแง่ของการซื้อและลงทุนอย่างรอบคอบ