คอนโดในไทยรองรับแผ่นดินไหวได้หรือไม่

DDproperty Editorial Team
คอนโดในไทยรองรับแผ่นดินไหวได้หรือไม่
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ จนหลายคนอาจเกิดคำถามในใจว่า จริง ๆ แล้วคอนโด รวมถึงอาคารสูงในไทยนั้น สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้หรือไม่ มีกฎหมายอะไรควบคุมบ้าง
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว

หากพิจารณาถึงเรื่องความเสี่ยงในด้านความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว อาคารที่สูงตั้งแต่ 15 ชั้นขึ้นไป แม้จะมีการสั่นไหวมากกว่าตึกเตี้ย แต่ไม่น่ากลัวถ้ามีการออกแบบที่รองรับการสั่วไหวไว้แล้ว
ส่วนบ้านชั้นเดียวไปจนถึง 6 ชั้นก็ไม่น่ากลัวเพราะการสั่นไหวจะมีน้อยกว่า (หากไม่ได้อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว)
นอกจากนี้ สำหรับอาคารสูงยังมีกฎหมายเข้ามาคอยควบคุมมาตรฐานการก่อสร้างที่ต้องมีความมั่นคงแข็งแรง โดยประเทศไทยเริ่มมีกฎหมายควบคุมการออกแบบอาคารให้ต้านทานแผ่นดินไหวมาตั้งแต่ปี 2540 และมีการอัปเดตอีก 2 ครั้ง ดังนี้
1) กฎกระทรวงปี 2540 กำหนดให้อาคารสูงเกินกว่า 15 เมตร (ประมาณ 5 ชั้นขึ้นไป) ใน 10 จังหวัด ต้องออกแบบโครงสร้างให้สามารถต้านแผ่นดินไหวได้ ใน 10 จังหวัดเสี่ยงแผ่นดินไหว เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กลุ่มรอยเลื่อน ได้แก่ เชียงราย, เชียงใหม่, ตาก, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, ลำพูน และกาญจนบุรี
2) กฎกระทรวงปี 2550 เพิ่มพื้นที่บังคับใช้มาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร แม้ว่าจังหวัดที่เพิ่มเข้ามาจะไม่ได้อยู่ใกล้รอยเลื่อน แต่โครงสร้างดินในพื้นที่เหล่านี้ค่อนข้างนุ่ม ทำให้มีโอกาสได้รับแรงสั่นจากแผ่นดินไหว
3) กฎกระทรวง กำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ปี 2564 มีการปรับโซนความเสี่ยงใหม่ เป็น 3 ระดับ
– บริเวณที่ 1 บริเวณหรือพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ กระบี่, ชุมพร, ตรัง, นครพนม, นครศรีธณรมราช, บึงกาฬ, ประจวบคีรีขันธ์, พิษณุโลก, เพชรบุรี, เลย, สงขลา, สตูล, สุราษฎร์ธารนี และหนองคาย
– บริเวณที่ 2 บริเวณหรือพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รบผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพในระดับปานกลางเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ กรุงเทพฯ, กำแพงเพชร, ชัยนาท, นครปฐม, นครสวรรค์, นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา, พังงา, ภูเก็ต, ระนอง, ราชบุรี, สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, สุพรรณบุรี และอุทัยธานี
– บริเวณที่ 3 บริเวณหรือพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพในระดับสูงเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ได้แก่ กาญจนบุรี, เชียงราย, เชียงใหม่, ตาก, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, ลำพูน, สุโขทัย และอุตรดิตถ์
หากเราจะโฟกัสไปที่คอนโด แม้จะมีหลายอาคารได้รับความเสียหาย แต่ปัจจุบันยังไม่มีอาคารไหนที่พังทลายลงมา สอดคล้องกับแถลงการณ์ของสมาคมอาคารชุดไทย ที่กล่าวถึงมาตรฐานการก่อสร้างอาคารสูงของไทย รองรับแผ่นดินไหว
การก่อสร้างอาคารสูงทุกอาคารในประเทศไทยหลังปี 2550 ต้องก่อสร้างตามมาตรฐานการก่อสร้างเพื่อรองรับแผ่นดินไหว ทำให้อาคารสูงทั้งคอนโดและอาคารสำนักงานไม่พังลงเป็นอันตรายแก่ชีวิตคนในอาคาร มีแต่ความเสียหายในวงจำกัด เช่น กระเบื้อง/หินอ่อนหลุดร่อนออก, ผนังแตกร้าว, ฝ้าบางจุดหลุดหล่น หรือความเสียหายกับโครงสร้างอาคารบางส่วน แต่ไม่ถึงขั้นร้ายแรง วิบัติพังทลายจากแผ่นดินไหว
สิ่งเหล่านี้แสดงถึงมาตรฐานการก่อสร้างอาคารสูงของไทยจากบททดสอบแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ซึ่งถือเป็นระดับสงสุดที่มีมาในประเทศไทย ว่าการก่อสร้างอาคารสูงของไทยได้มาตรฐานจริง ๆ โดยไม่มีอาคารใดเลยที่เปิดใช้อาคารแล้วพังลงมากระทบต่อชีวิตผู้ใช้อาคารแม้แต่อาคารเดียว

ประกันคอนโดกับความอุ่นใจในการอยู่อาศัยหลังแผ่นดินไหว

จากข้างต้นจะเห็นได้ว่า กฎหมายได้ให้ความมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วว่ากับมาตรฐานการก่อสร้างอาคารสูง แต่สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของคอนโดแล้วจะทำอย่างไรเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น
ในประเด็นนี้ คอนโดส่วนใหญ่จะมีการทำประกันอัคคีภัยคอนโด โดยพื้นฐานจะให้ความคุ้มครองสำหรับความเสียหายที่เกิดจาก 6 ภัยหลัก และ 4 ภัยธรรมชาติ ดังนี้
6 ภัยหลัก
1. ไฟไหม้
2. ฟ้าผ่า
3. ระเบิด
4. ภัยที่เกิดจากการเฉี่ยวการชนของยวดยานพาหนะหรือสัตว์พาหนะ (ช้าง ม้า วัว ควาย) รวมถึงการหล่นทับของสินค้าที่บรรทุกมากับยานพาหนะหรือสัตว์พาหนะ
5. ภัยจากอากาศยานหรือวัตถุที่ตกจากอากาศยาน
6. ภัยเนื่องจากน้ำ (ไม่รวมน้ำท่วม) ที่เกิดจากการปล่อย การรั่วไหล การล้นออกมาของน้ำ จากท่อน้ำ ถังน้ำ ระบบทำความร้อน ระบบทำความเย็น ระบบปรับอากาศ รวมถึงน้ำฝนที่ไหลผ่านเข้าไปภายในอาคารจากการเสียหายของหลังคา หน้าต่าง ประตู
4 ภัยธรรมชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดให้บริษัทประกันภัยต่าง ๆ ขยายความคุ้มครองให้กับผู้เอาประกัน ที่ขยายความคุ้มครองโดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม ได้แก่
1. ลมพายุ
2. น้ำท่วม
3. แผ่นดินไหว
4. ลูกเห็บ
ดังนั้น หากเกิดความเสียหายกับโครงสร้าง หรือส่วนกลางโครงการ ทางบริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายดังกล่าวนั่นเอง
แต่สำหรับความเสียหายกับทรัพย์สินภายในห้องประกันข้างต้นจะไม่ครอบคลุม ผู้อยู่อาศัยสามารถซื้อประกันทรัพย์สินคอนโดเพิ่มเติมได้
โดยประกันทรัพย์สินคอนโดจะคุ้มครองทรัพย์สินหรือสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องคอนโด ซึ่งจะคุ้มครองตามความเสียหายต่อทรัพย์สินอันเกิดจากไฟไหม้, ฟ้าผ่า, ระเบิด, ภัยเนื่องจากน้ำ, ภัยต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า, ภัยโจรกรรม, ภัยต่อกระจก รวมถึงความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และภัยอื่น ๆ รวมถึงภัยธรรมชาติอย่างลมพายุ, แผ่นดินไหว และภัยลูกเห็บ
ประกันอัคคีภัยบ้าน

ประกันอัคคีภัยบ้าน

ทั้งนี้ ทางสมาคมอาคารชุดไทย เผยว่า ผลจากกฎหมายอาคารชุดถูกวางโครงสรางรองรับอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้ง พ.ร.บ.อาคารชุด และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้นิติบุคคลอาคารชุด มีหน้าที่จัดการทรัพย์ส่วนกลางและจัดเก็บค่าใช้จ่ายจกเจ้าของร่วม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลอาคาร ทำให้เกิดการประกันความเสียหายเพื่อคุ้มครองอาคารชุดในทุกอาคาร
โดยวงเงินรองรับโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดระหว่างปี 2550-2568 ในเขตกรุงเทพฯ ที่เปิดตัวสะสมมากว่า 20 ปี ประมาณ 5,994 โครงการ มีวงเงินคุ้มครองความเสียหายรวกว่า 3.8 ล้านล้านบาท
ถือเป็นผลมาจากธุรกิจคอนโด มีการแบกภาระเบี้ยประกันปีละกว่า 2,200 ล้านบาท ในปัจจุบัน พร้อมยังเพิ่มวงเงินคุ้มครองภายในห้องชุดและอื่น ๆ มูลค่าคุ้มครองกว่า 2.7 แสนล้านบาท ทำให้มีวงเงินการคุ้มครองภายในห้องชุดของผู้อยู่อาศัยในอาคารชุดในทุกห้อง 1-2 แสนบาทต่อห้อง
ช่วยลดภาระและความเดือดร้อนจากความเสียหายภายในห้องชุดของผู้พักอาศัยในอาคารชุด ในการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งนี้ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสร้างความมั่นใจโครงการคอนโดระหว่างก่อสร้างกว่า 200 โครงการ ด้วยวงเงินประกันภัยคุ้มครองรวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท

กรณีที่คอนโดถูกทุบทิ้งหรือพังถล่ม ผู้ซื้อจะไม่เหลืออะไรจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากเกิดแผ่นดินไหวจนส่งผลให้เกิดความเสียหายของตัวอาคารจนต้องถูกทุบทิ้งหรือพังถล่ม ทางนิติบุคคลจะได้เงินประกันมาหนึ่งก้อนซึ่งจะถูกจัดสรรให้แก่ลูกบ้านตามกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโดยคิดส่วนแบ่งได้จาก จำนวนตารางเมตรของยูนิตของคุณ หารด้วยพื้นที่สุทธิทั้งหมดของโครงการ
สมมติว่า พื้นที่ทั้งหมดของโครงการคือ 20,000 ตารางเมตร พื้นที่ของห้องคุณคือ 40 ตารางเมตร จะเท่ากับ (40 x 100) ÷ 20,000 = 0.2% นั่นคือสมมติว่าค่าเสียหายที่โครงการเรียกร้องได้จากบริษัทประกันคือ 1,000 ล้านบาท คุณจะได้เงินคืนประมาณ 2 ล้านบาทนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทางนิติบุคคลสามารถเรียกประชุมลูกบ้านเพื่อลงมติต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ลงเสียงเพื่อกระจายเงินก้อนนี้คืนหรือจะนำเงินก้อนที่ได้ไปซ่อมแซมหรือสร้างอาคารใหม่โดยอาจจะลงมติกันว่าจะเพิ่มส่วนต่างเท่าไร
นอกจากนี้ในส่วนของที่ดินโครงการหากมีการขายต่อก็จะได้เงินจากการขายที่ดินมาแบ่งกันตามสัดส่วนการถือครองด้วยเช่นกัน
กรรมสิทธิ์ห้องชุด มีสิทธิ์แค่อากาศจริงหรือไม่

กรรมสิทธิ์ห้องชุด มีสิทธิ์แค่อากาศจริงหรือไม่

มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว

นอกจากประกันอัคคีภัยคอนโดแล้ว ปัจจุบันธนาคารหลายแห่งได้ออกมาตรการช่วยเหลือหนี้บ้านจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งลูกหนี้สามารถติดต่อธนาคารเพื่อขอรับสิทธิ์ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมีรายละเอียดของแต่ละธนาคารดังนี้

ธนาคารอาคารสงเคราะห์

โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่
1. สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลด อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4-12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี
พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน โดยเมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป
2. สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อราย ต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
อัตราดอกเบี้ย
– อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด
– อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4-24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี
– อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (3.24% ต่อปี)
– อัตราดอกเบี้ยปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (4.14% ต่อปี)
– อัตราดอกเบี้ยปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.545% ต่อปี)
ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาท เท่านั้น
พิเศษ ฟรีค่าธรรมเนียมประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง
มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2568 จำนวน 5 มาตรการ ได้แก่
มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี
โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้น เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี
โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 3 สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี)
มาตรการที่ 4 สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง และไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)
มาตรการที่ 5 พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ กับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกราย อย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท
สำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์)
นอกจากนี้ ลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ยังสามารถเข้าร่วมมาตรการสินเชื่อซ่อม-แต่ง สำหรับลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อต่อเติม ซ่อมแซม หรือซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย
มีการทำนิติกรรมสัญญาและผ่อนชำระเงินกู้กับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี วงเงินกู้เดิมภายใต้หลักประกันสูงสุด ไม่เกิน 5 ล้านบาท ประวัติการผ่อนชำระสม่ำเสมอทุกเดือนไม่น้อยกว่า 1 ปี วงเงินให้กู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกัน ไม่เกิน 100,000 บาท ระยะเวลาการกู้สูงสุดนาน 3 ปี
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเพียง 1.00% ต่อปี กรณีกู้ 1 แสนบาท ผ่อนชำระเงินงวดเพียง 2,900 บาท เท่านั้น พิเศษ ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน 1,900 บาท โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน
สำหรับลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ "โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย" และ "มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2568" ในมาตรการที่ 1-4 สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้-30 ธันวาคม 2568
ในส่วนของ "มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2568" มาตรการที่ 5 และผู้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการสินเชื่อซ่อม-แต่ง สามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร. 02-645-9000 Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ Application: GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

ธนาคารกสิกรไทย

มาตรการช่วยเหลือลูกค้าบุคคล
1. สินเชื่อบ้านกสิกรไทย พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
2. สินเชื่อบ้านกู้เพิ่มได้เพื่อซ่อมแซมบ้าน อัตราดอกเบี้ย 0% 3 เดือน ฟรีค่าประเมินหลักประกัน
3. บัตรเครดิตกสิกรไทย, สินเชื่อเงินด่วน Xpress Loan และบัตรเงินด่วน Xpress Cash พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
4. สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ปรับลดยอดผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 50% ระยะเวลา 3 เดือน และขยายระยะเวลาผ่อน 3 เดือน
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ
1. วงเงินสินเชื่อเดิม พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
2. สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมสถานประกอบการ ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี ดอกเบี้ย 3.5% ใน 2 ปีแรก โดยให้พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อเพื่อเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2568
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center โทร. 02-888-8888

ธนาคารไทยพาณิชย์

สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ลูกค้าสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบ้านคือเงิน My Home My Cash ธนาคารมอบความช่วยเหลือพักชำระเงินต้นนาน 3 เดือน
สินเชื่อบ้านได้เพิ่มเพื่อซ่อมแซมบ้าน ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน สำหรับลูกค้าปัจจุบัน
สินเชื่อ My Home My Cash ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน สำหรับลูกค้าขอสินเชื่อใหม่ ฟรีค่าประเมินหลักประกัน บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโด
สินเชื่อรถยนต์ ธนาคารมอบความช่วยเหลือ ได้แก่ 1) พักชำระหนี้สูงสุด 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุด 3 เดือน (รวมอายุผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี)
สินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ ธนาคารมอบความช่วยเหลือ พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 3 เดือน
สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการ ดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.5% ต่อปี นาน 24 เดือน ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี
ลูกค้าสามารถติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2568
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม SCB Customer Center โทร. 02-777-7777

ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

มาตรการแบ่งเบาภาระลูกค้าปัจจุบันสินเชื่อบ้านใหม่ สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ และสินเชื่ออเนกประสงค์ พักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยนาน 3 เดือน
มาตรการสินเชื่ออเนกประสงค์เพื่อซ่อมแซมบ้านสำหรับลูกค้าทั่วไป อัตราดอกเบี้ย 3.50%* (MRR – 5.080%) เป็นไปตามเงื่อนไขธนาคาร
ขอเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2568
เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามประกาศของธนาคาร สามารถตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบันได้ที่ www.lhbank.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ LH Bank Call Center โทร. 1327

ธนาคารออมสิน

1. มาตรการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าเดิม โดยให้พักชำระเงินต้นทั้งหมด และลดดอกเบี้ยเป็น 0% เป็นระยะเวลา 3 เดือน
สำหรับลูกค้าสินเชื่อธนาคารออมสิน 3 กลุ่ม ที่เดือดร้อนทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือการดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้แก่ ลูกค้าสินเชื่อธนาคารประชาชน ลูกค้าสินเชื่อเคหะที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท และลูกค้าสินเชื่อ SME ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท
2. มาตรการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูสำหรับบุคคลทั่วไป ธนาคารมอบสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ ได้แก่
2.1 สินเชื่อฉุกเฉินผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระ 24 เดือน ปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับเดือนที่ 1-3 และเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน
2.2 สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระ 10 ปี สำหรับลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าปัจจุบันใช้ระยะเวลาผ่อนชำระตามสัญญาเดิม
– ปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับ 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4-12 = 2%
– ปีที่ 2 = 2%
– ปีที่ 3 = MRR-3.35%
– ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR-0.75%
2.3 สินเชื่อ SME ฟื้นฟูแผ่นดินไหว วงเงินกู้ไม่เกิน 40 ล้านบาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 10 ปี (ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 9 เดือน) คิดอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
– ปีที่ 1-2 = 2.99%
– ปีที่ 3-4 = MLR/MOR-0.5%
– ปีที่ 5 เป็นต้นไป = MLR/MOR+0.5%
ทั้งนี้ สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก = 0% หลังจากนั้น เดือนที่ 4-24 = 2.99% ปีที่ 3-4 = MLR/MOR-0.5% และปีที่ 5 เป็นต้นไป = MLR/MOR+0.5%
โดยลูกค้าและบุคคลทั่วไปสามารถติดต่อที่สาขาธนาคารออมสิน เพื่อแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนได้ตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคม 2568 และยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้-30 กันยายน 2568
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 และ www.gsb.or.th

ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย

สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อยทุกประเภท
1. ลดค่างวด ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
2. พักชำระค่างวดสูงสุด 6 เดือน
ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคม 2568
สอบถอบข้อมูลเพิ่มเติม ลูกค้าสินเชื่อธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย โทร. 02-626-7070

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

สำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อ SME รายย่อย
แนวทางที่ 1 ลดค่างวด ครอบคลุมดอกเบี้ยจ่ายในแต่ละเดือน สูงสุดนาน 6 เดือน
แนวทางที่ 2 พักเงินต้น ชำระคืนแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียว สูงสุดนาน 3 เดือน
สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SME ขนาดเล็กและขนาดกลาง
แนวทางที่ 1 ลดค่างวด ครอบคลุมดอกเบี้ยจ่ายในแต่ละเดือน สูงสุดนาน 6 เดือน
แนวทางที่ 2 พักเงินต้น ชำระคืนแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียว สูงสุดนาน 6 เดือน
สำหรับลูกค้าสินเชื่อกรุงศรีออโต้
ขยายเทอม ลดค่างวด ไม่เกิน 40% ของค่างวดเดิม
สำหรับลูกค้าบัตรเครดิต และสินเชื่อในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์
ปรับลดยอดผ่อนชำระรายเดือน ด้วยการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ (ปรับปรุงโครงสร้างหนี้)*
*หมายเหตุ: ไม่รวมลูกค้าที่ได้รับการช่วยเหลือในมาตรการอื่นสูงสุดอยู่แล้ว
การพิจารณาตามมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว การพิจารณาเป็นรายกรณีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัทในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งแต่วันนี้-30 กันยายน 2568
ติดต่อแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขา หรือโทรสอบถามได้ที่
– ลูกค้าบุคคล โทร. 1572
– ลูกค้า SME โทร. 02-296-6262, 02-626-2626
– ลูกค้ากรุงศรีออโต้ โทร. 02-740-7400 กด 3
– ศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิต กรุงศรี โทร. 02-646-3555
– ศูนย์บริการสมาชิกบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ โทร. 02-345-6789
– ศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน โทร. 02-627-8111
– ศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิตโลตัส โทร. 1712

ธนาคารกรุงไทย

1. มาตรการแบ่งเบาภาระลูกค้าสินเชื่อปัจจุบัน
1.1 สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อธุรกิจ SSME ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบันนาน 1 ปี และ ลดดอกเบี้ยเป็น 0% ต่อปี นาน 3 เดือน และหลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมเป็นระยะเวลา ดอกเบี้ยพิเศษนาน 3 ปี)
1.2 สินเชื่อส่วนบุคคล ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบัน นาน 1 ปี และ ลดดอกเบี้ยเป็น ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
1.3 สินเชื่อธุรกิจ SME ให้ความช่วยเหลือครอบคลุม ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดการชำระหนี้ พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ย หรือพักชำระเงินต้น และ/หรือ พักชำระดอกเบี้ยบางส่วน ขยายระยะเวลาสัญญา/ปรับตารางผ่อนชำระหนี้ เป็นต้น
โดยเงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ซึ่งธนาคารจะพิจารณาให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อลดภาระทางการเงินและสะท้อนภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของลูกค้าที่น่าจะฟื้นตัวในอนาคต
2. มาตรการสำหรับสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการและซ่อมบ้าน
2.1 สินเชื่อบ้าน Top up สินเชื่อบ้านแลกเงิน และสินเชื่อธุรกิจ SSME (Term Loan) ดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมเป็นระยะเวลา ดอกเบี้ยพิเศษนาน 3 ปี กรณีสินเชื่อบ้าน ฟรีค่าประเมินและค่าจดจำนอง)
2.2 สินเชื่อส่วนบุคคล (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี

2.3 สินเชื่อธุรกิจ SME (Term Loan)
ระยะเวลา 7 ปี ดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี นาน 2 ปี หลังจากนั้น MLR-1% ต่อปี
*สินเชื่อบ้าน Top up และ สินเชื่อบ้านแลกเงิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 5.2% ต่อปี (ณ วันที่ 3 มี.ค. 68) | สมมติฐานการคำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท อายุสัญญา 20 ปี ผ่อนชำระ 8,400 บาท/เดือน | MLR = 6.825% ต่อปี (ณ วันที่ 3 มี.ค. 68)
**สินเชื่อบุคคล อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 6.595% – 24% ต่อปี (ณ วันที่ 3 มี.ค. 68) | MRR = 7.345% ต่อปี (ณ วันที่ 3 มี.ค. 68) | ยกเว้นสินเชื่ออเนกประสงค์ สำหรับข้าราชการผู้รับบำนาญ
***สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME MLR=6.825% ต่อปี (ณ วันที่ 3 มี.ค. 68) | สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SSME สำหรับผู้ประกอบการที่มียอดขายไม่เกิน 100 ล้านบาท และวงเงินกู้ไม่เกิน 20 ล้านบาท สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME | สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางที่มียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาท หรือวงเงินกู้มากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป
อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ สามารถตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันได้ที่ www.krungthai.com

ธนาคารยูโอบี

ธนาคารยูโอบีประเทศไทย และบริษัทในเครือ ออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ครอบคลุมทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคม 2568
ลูกค้าบุคคล
1. สินเชื่อบัตรเครดิต ปรับลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำเป็น 5% ของยอดคงค้าง นาน 12 เดือน หรือ โปรแกรมอื่น ๆ ที่ธนาคารมีตามความเหมาะสม
2. บัตรกดเงินสด โปรแกรมผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 19% นาน 12 เดือน
3. สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ Car2Cash, สินเชื่อส่วนบุคคล UOB Express พักชำระเงินต้นนาน 3 เดือน หรือ ปรับลดอัตราผ่อนชำระลง 50% นาน 3 เดือน หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่ธนาคารมีตามความเหมาะสม
ลูกค้าธุรกิจ
สินเชื่อธุรกิจ พักชำระเงินต้น หรือดอกเบี้ยนานสูงสุด 3 เดือน หรือขยายระยะเวลาการชำระหนี้นานสูงสุด 12 เดือน*
ช่องทางการติดต่อขอรับมาตรการช่วยเหลือธนาคารยูโอบีทุกสาขา
– ศูนย์บริการลูกค้าธนาคารยูโอบี โทร. 02-285-1555 ตลอด 24 ชั่วโมง
– ลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล UOB Xpress โทร. 02-285-1555 กด 6 วันจันทร์-วันศุกร์ 8.30-20.00 น. วันเสาร์ 8.30-18.30 น.
– ลูกค้าสินเชื่อ UOB SME ติดต่อ RM ที่ดูแลท่าน หรือ UOB Biz Call Centre โทร. 02-343-3555 วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น.

ธนาคารทหารไทยธนชาต

ลูกค้าที่มีบัญชี ttb all free รับฟรีความคุ้มครองจากอุบัติเหตุ ลูกค้าสามารถเบิกค่ารักษาจากอุบัติเหตุได้ สูงสุด 3,000 บาท/อุบัติเหตุ กรณีเสียชีวิตคุ้มครอง 20 เท่าของเงินฝาก สูงสุด 3 ล้านบาท เมื่อคงเงินฝากในบัญชี ttb all free ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ทุกวันตลอดทั้งเดือน และรับความคุ้มครองในเดือนถัดไปฟรี
สามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ด้วยตนเองผ่านแอป ttb touch เข้าเมนูบัญชีเงินฝาก > เลือกข้อมูลบัญชี > เลือกเมนูประกันอุบัติเหตุ จาก all free > เลือกบัตร all free e-care card เพื่อดูสถานะความคุ้มครอง
ลูกค้าสินเชื่อบ้านทีทีบี และทีเอ็มบี (เดิม) ลูกค้าสามารถรับความคุ้มครองจากภัยแผ่นดินไหวโดยอัตโนมัติภายใต้เงื่อนไขการมอบ "ประกันฟรี" โดยตรวจสอบความเสียหาย และแจ้งเคลมได้ที่ โทร. 1292 บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
สำหรับลูกค้าที่มีประกันภัยทรัพย์สิน เช่น Home Guard, Home Add-on และ Happy Home สามารถแจ้งเคลมได้ที่ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) โทร 1519 กด 3 กด 2
สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้าน (ทุกประเภท) ที่เกิดความเสียหายรุนแรง และมีภาระค่าใช้จ่าย สามารถขอรับความช่วยเหลือพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2568 พร้อมแนบหลักฐานความเสียหาย
โดยจะได้รับการพักชำระหนี้ นาน 3 เดือน หรือขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อไปซ่อมแซมบ้าน ผ่านบัตรกดเงินสดบ้านแลกเงิน ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 2 เดือน กรณีที่ลูกค้ามีบัตรกดเงินสดบ้านแลกเงินอยู่แล้ว รับความช่วยเหลือดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 2 เดือน เช่นกัน
สามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือนี้ได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ แอป ttb touch ผ่าน Yindee เลือกติดต่อแชทกับทางเจ้าหน้าที่ หรือ ttb contact center โทร. 1428 หรือ สาขาทีทีบี ที่เปิดทำการ
ลูกค้าธุรกิจ และเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบทางธุรกิจและสถานประกอบการ สามารถตรวจเช็กความคุ้มครอง และขอวงเงินเป็นเงินทุนในการซ่อมแซมได้
โดยลูกค้าที่มีประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินประเภทสรรพภัย (Industrial All Risks) ประเภทไฟขยายภัยแผ่นดินไหว (Fire Extends Earthquake) ประเภทประกันการก่อสร้าง (Contractors’ All Risks) และประเภทประกันธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption) กับทีทีบีโบรกเกอร์ จะได้รับความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวตามที่กรมธรรม์กำหนด
หากพบว่ามีความเสียหาย สามารถแจ้งเคลมได้ที่ ทีทีบี โบรกเกอร์ โทร. 02-783-0200, 02-783-0300 เวลา 08.30-19.00 น.
ลูกค้าที่ไม่มีประกันภัยและต้องการเงินทุนเพื่อซ่อมแซม หรือลูกค้าที่มีประกันภัยแต่ต้องการเงินทุนซ่อมแซมเพิ่มเติม สามารถขอสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมสถานประกอบการเพื่อ SME ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี และชำระดอกเบี้ยอย่างเดียวนานสูงสุด 12 เดือน (หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)
สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอี ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจของท่าน เพื่อสอบถามรายละเอียดการช่วยเหลือได้
ตรวจสอบรายละเอียดความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/tang-luk

ธนาคารกรุงเทพ

สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ
– ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของลูกหนี้ เช่น ลดยอดผ่อนชำระ ขยายเวลาการชำระหนี้ปลอดการชำระเงินต้นเป็นการชั่วคราว ระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน
– สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่เพิ่มเติม เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้น ซ่อมแซมสถานประกอบกิจการ และฟื้นฟูกิจการ
– สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจ SME ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3.5% ต่อปี 2 ปีแรก หลังจากนั้นคิด MLR-1% ต่อปี
สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย
ธนาคารได้จัดเตรียมหลากหลายมาตรการเพื่อผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามระดับความรุนแรงที่ได้รับ ประกอบด้วย
1. บัตรเครดิต ปรับลดอัตราผ่อนชำระหนี้ขั้นต่ำ (Min Pay) จากอัตราปกติลง 3% เป็นระยะเวลาสูงสุด 6-12 เดือน ลดดอกเบี้ยค้างชำระสูงสุดไม่เกิน 75% ไม่เกิน 3 รอบบัญชี หรือสูงสุดไม่เกิน 90 วัน พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปีและสามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้
2. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สินเชื่อเงินกู้บัวหลวงสุขใจลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราปกติลง 1% หรือพักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลาสูงสุด 3-6 เดือน และสินเชื่อหมุนเวียนบัวหลวงอุ่นใจลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราปกติลง 1% เป็นระยะเวลาสูงสุด 3-6 เดือน
3. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันและสินเชื่อส่วนบุคคล
– ลดยอดผ่อนชำระรายเดือนลงสูงสุด 40% (ชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวนและชำระเงินต้นบางส่วน) เป็นระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 6-12 เดือน
– ผ่อนชำระตามเงื่อนไขเดิม และลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% เป็นระยะเวลาสูงสุด 3-6 เดือน
– พักชำระเงินต้น ยังคงชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน เป็นระยะเวลาสูงสุด 3-6 เดือน
– พักชำระเงินต้น ยังคงชำระดอกเบี้ยบางส่วน ไม่ต่ำกว่า 70% เป็นระยะเวลาสูงสุด 3 เดือนหรือไม่ต่ำกว่า 50% เป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน โดยดอกเบี้ยส่วนที่เหลือจะตั้งพักเอาไว้
สินเชื่อสำหรับลูกค้าที่จะขอกู้เพิ่มและลูกค้าใหม่

โดยสนับสนุนสินเชื่อเงินกู้บัวหลวงพูนผล (สินเชื่อมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน) ผ่อนได้นานสูงสุด 5 ปีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ MRR-2% (4.95%*) ต่อปี และฟรีค่าสำรวจและประเมินราคาหลักประกันเพื่อนำเงินไปใช้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย
สามารถเเจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ได้ที่สาขา สำนักธุรกิจ และสายบัตรเครดิต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บัวหลวงโฟน โทร. 1333 หรือ 02-645-5555 และ www.bangkokbank.com

ธนาคารทิสโก้

ลูกค้าบุคคล
สินเชื่อบ้าน / สินเชื่อทะเบียนรถ พักชำระเงินต้น สูงสุด 3 เดือน และลดค่างวด และ/หรือขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ พักชำระค่างวด สูงสุด 3 เดือน และลดค่างวด และ/หรือขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
ลูกค้าธุรกิจ และ SME
ลดค่างวด และ/หรือ ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ (ตามความสามารถในการผ่อนชำระ)
แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2568
ช่องทางลงทะเบียน LINE: @TISCO สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 1

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0% ใน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไปคิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.725%)
โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR ลบ 2% ต่อปี
ร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-30 กันยายน 2568
สามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. ใกล้บ้านทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 02-555-0555 ตลอด 24 ชั่วโมง

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

1. มาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายเดิม ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ที่อยู่อาศัย หรือสถานประกอบการ ได้รับความเสียหาย สามารถพักชำระเงินต้นและกำไร ทุกประเภทวงเงิน (ไม่รวม สินเชื่อหมุนเวียน)
1.1 กรณีที่อยู่อาศัยไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้เป็นการชั่วคราว ให้พิจารณาพักชำระหนี้เงินต้นและกำไรไม่เกิน 3 เดือน (ตามเงื่อนไขของธนาคาร)
1.2 กรณีที่อยู่อาศัยที่ไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้เป็นการถาวร ให้พิจารณาพักชำระหนี้เงินต้นและกำไรไม่เกิน 6 เดือน (ตามเงื่อนไขของธนาคาร)
1.3 กรณีสถานประกอบการที่ไม่สามารถดำเนินการเข้าพื้นที่ หรือไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ ให้พิจารณาพักชำระหนี้เงินต้นและกำไรไม่เกิน 6 เดือน (ตามเงื่อนไขของธนาคาร)
2. มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูลูกค้ารายเดิมและรายใหม่
2.1 ลูกค้าบุคคล ให้สินเชื่อเพื่อซ่อมแซม ฟื้นฟูที่อยู่อาศัย วงเงินสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตรากำไรปีแรก 1.99% ต่อปี ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 20 ปี (ตามเงื่อนไขของธนาคาร)
2.2 ลูกค้าธุรกิจ ให้สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการ วงเงินทุนระยะยาวสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตรากำไรปีแรก 3.25% ต่อปี ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี (ตามเงื่อนไขของธนาคาร)
3. มาตรการสินไหมเร่งด่วน (Fast Track)
ลูกค้าที่ทำกรมกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติสามารถติดต่อแจ้งเคลมความเสียหายเพื่อรับสินไหมโดยตรงผ่าน Call Center ของบริษัทประกันภัย (ตะกาฟุล) รับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง
3.1 บมจ.ทิพยประกันภัย โทร. 1736
3.2 บมจ.วิริยะประกันภัย โทร. 1557
3.3 บมจ.กรุงไทยพานิชประกันภัย โทร. 0-2624-1111 กด 2
สามารถยื่นคำขอเข้ามาตรการ หรือติดต่อสอบถามได้ที่ทุกสาขาของไอแบงก์ ตั้งแตวันนี้-31 ธันวาคม 2568
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ibank Contact Center โทร. 1302

กทม. เปิดหลักเกณฑ์-ขั้นตอนขอรับเงินช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหว

กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดังนี้
1. ภัยพิบัติ (แผ่นดินไหว) ทำให้บ้านเรือนที่พักอาศัยประจำ ได้รับความเสียหาย
2. ต้องเป็นบ้านพักที่อยู่อาศัยประจำและต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่ทางสำนักงานเขตออกให้เป็นหลักฐาน ได้แก่ บ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน, บ้านเช่า ผู้เช่าเป็นผู้ได้รับเงินช่วยเหลือ, ที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ซึ่งประสบภัยเช่น บ้านพักอาศัยอยู่เป็นประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน
สำหรับรายการที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย
1. ค่าวัสดุซ่อมแซมทีอยู่อาศัยประจำ ซึ่งผู้ประสบภัยเป็นเจ้าของที่ได้รับความเสียหาย เท่าที่จ่ายจริง หลังละไม่เกิน 49,500 บาท
2. ค่าที่พักอาศัยชั่วคราวหรือค่าเช่าบ้าน จ่ายเฉพาะอาคารที่ กทม. ประกาศระงับการใช้และไม่ได้เข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงที่ กทม. จัดสรรเป็นเงินค่าเช่าบ้าน เดือนละ 3,000 บาท ไม่เกิน 2 เดือน เป็นเงินไม่เกิน 6,000 บาท
3. ค่าจัดงานศพผู้เสียชีวิต รายละ 29,700 บาท และกรณีผู้ประสบภัย เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือผู้หารายได้หลักของครอบครัว ได้เพิ่มครอบครัวละ ไม่เกิน 29,700 บาท
4. ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ (ตามใบรับรองแพทย์) กรณีบาดเจ็บสาหัส ช่วยเหลือเบื้องต้น เป็นเงิน 4,000 บาท กรณีบาดเจ็บถึงขั้นพิการ ช่วยเหลือเบื้องต้น เป็นเงิน 13,300 บาท
5. เงินปลอบขวัญ (ตามใบรับรองแพทย์) กรณี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุสาธารณภัย รายละ 2,300 บาท
6. เงินทุนประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท
ทั้งนี้ เป็นไปตามการประเมินของคณะกรรมการระดับเขตพื้นที่ ซึ่งเป็นหน่วยดำเนินการสำรวจและประเมินความเสียหายโดยรายงานไปยังสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่อไป
สำหรับขั้นตอนการขอรับเงินช่วยเหลือ กรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหว ให้ประชาชนดำเนินการดังนี้
1. ดาวน์โหลดแบบคำร้องขอรับความช่วยเหลือที่เว็บไซต์สำนักงานเขต หรือเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานคร
2. ผู้ร้องต้องยื่นเอกสาร คำร้องและหลักฐาน ที่ฝ่ายปกครองสำนักงานเขต พร้อมให้ข้อเท็จจริง โดยเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย
2.1 แบบสอบข้อเท็จจริงผู้ประสบภัย
2.2 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ยังไม่หมดอายุ) กรณีผู้ไม่มีสัญชาติไทย ใช้สำเนาพาสปอร์ต
2.3 สำเนาทะเบียนบ้าน (เป็นปัจจุบัน)
2.4 สำเนาโฉนดที่ดิน (ต้องระบุชื่อเจ้าบ้าน/เจ้าของบ้าน) หรือแบบคำรับรอง (แทนโฉนดที่ดิน)
2.5 สำเนาใบ อช. 2 (โฉนดคอนโด)
2.6 สำเนาบันทึกประจำวัน (ตร.) จากสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ
2.7 หนังสือรับรองผู้ประสบภัย และบัญชีความเสียหายแนบท้ายฯ (แบบ บ.ส. 3)
2.8 บันทึก (ป.ค. 14) ใช้ในกรณีที่เอกสารที่ยื่นยังไม่ชัดเจนหรือเพียงพอว่าเป็นผู้ประสบภัยและได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว
2.9 เอกสารประกอบการขอรับความช่วยเหลือค่าวัสดุซ่อมแชมที่พักอาศัยฯ
2.10 รูปภาพความเสียหาย
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ