ปัญหาน้ำท่วมไม่ใช่เรื่องใหม่ในกรุงเทพฯ เพราะฝนตกหนักเมื่อไหร่ น้ำต้องท่วมทุกครั้ง อยู่ที่จะมากหรือน้อยเท่านั้น ดังนั้น ก่อนซื้อบ้าน หรือซื้อคอนโด หากรู้เบื้องต้นว่าพื้นที่ไหนในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ก็ช่วยให้สบายใจในการอยู่อาศัย หรือหาทางป้องกันและปรับปรุงบ้านได้ล่วงหน้า ลองมาดูว่าพื้นที่ไหนในกรุงเทพฯ ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมบ้าง
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
ทำไมกรุงเทพฯ ถึงน้ำท่วมบ่อย
สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพฯ ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่เสมอคือ
1. พื้นที่เมืองไม่มีพื้นที่รับน้ำ
ในอดีตกรุงเทพฯ ยังมีทุ่งนา ป่ากก ร่องสวน เป็นพื้นที่รับน้ำ แต่ปัจจุบันพื้นที่ทั้งหมดของกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงเป็นบ้าน คอนโด ซึ่งตั้งอยู่ในระดับสูงกว่าพื้นถนน เมื่อฝนตกลงมา น้ำทั้งหมดจึงไหลไปรวมที่ถนน
2. ขนาดของท่อระบายน้ำเล็กเกินไป
โดยกรุงเทพฯ เป็นเมืองเก่า ท่อระบายน้ำได้ก่อสร้างมานานแล้ว บางท่อมีขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30-60 เซนติเมตร ส่วนขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 80 เซนติเมตร
ท่อเหล่านี้แต่เดิมได้ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำฝนในปริมาณที่ฝนตกไม่เกิน 60 มิลลิเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น แต่ปัจจุบันฝนที่ตกลงมามีปริมาณมากกว่า 100 มิลลิเมตร/ชั่วโมง ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน จึงก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง
อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครได้หาแนวทางในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด อย่างเช่นการสร้างหรือปรับปรุงถนนใหม่ กำหนดให้มีการวางท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.20 เมตร
รวมถึงการก่อสร้างท่อลอด Pipe Jacking จะใช้ท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.20 เมตร เช่นกัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำลงสู่คูคลองต่อไป
3. ท่อระบายน้ำอุดตัน
ท่อระบายน้ำอุดตันเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ การสะสมของดินโคลน เศษวัสดุ ที่ชะล้างไหลมาจากถนนหรือตามโครงการก่อสร้าง รวมถึงจากร้านค้า หรือบ้านเรือนที่ทิ้งขยะ ทิ้งเศษอาหาร ไขมัน ลงมาตามท่อ ส่วนใหญ่จะไม่ผ่านระบบกรอง หรือระบบถังดักไขมัน
โดยของเสียประเภทไขมัน หากปล่อยทิ้งสะสมประมาณ 1 เดือนจะจับตัวเป็นก้อนชั้นหนา หากเกิน 10 เซนติเมตรจะมีผลทำให้น้ำไหลผ่านยากมาก
4. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change มากที่สุด โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม รวมถึงไทย ในกรุงเทพฯ
ปัญหาน้ำท่วม ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อที่อยู่อาศัย บ้าน-คอนโด โครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านคมนาคม ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ รวมถึงชุมชน และแหล่งงาน
การร่วมกันแก้ปัญหาจึงถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยชะลอผลของ Climate Change ซึ่งสามารถเริ่มได้จากภายในบ้านของตัวเอง เช่น ลดการใช้ถุงพลาสติก หรือลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น อย่างเครื่องปรับอากาศ ที่นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาเรื่อง Climate Change แล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการใช้พลังงานในบ้านไ้ด้อีกทางหนึ่ง
การเช็กพื้นที่น้ำท่วม เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน-คอนโด ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุน สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยง วางแผนรับมือป้องกัน หรือการมองหาประกันภัยที่ช่วยให้สบายใจเมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ ก่อนการลงทุนซื้อบ้าน-คอนโด
จากความสำคัญดังกล่าวทางพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป บริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ จึงได้พัฒนา "ดัชนีความน่าอยู่อาศัย" ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การตัดสินใจซื้อบ้าน-คอนโดของผู้บริโภคดีขึ้น โดยพิจารณาจากปัจจัยหลาย ๆ ประการ เช่น ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมเรื่องปริมาณน้ำฝน, ปัจจัยทางด้านสภาพอากาศ และมลพิษทางอากาศ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป คำนึงถึงในการพัฒนาดัชนีความน่าอยู่อาศัยจากรายงาน PropertyGuru 2023 Sustainability Report ได้ที่นี่
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม 8 จุด และแนวทางการแก้ปัญหาของ กทม.
จากบทเรียนเรื่องน้ำท่วม กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากน้ำเหนือ น้ำหนุน และน้ำท่วมจากน้ำฝน
โดยในกรุงเทพฯ มีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม 8 จุด ซึ่งทางกรุงเทพมหานครได้เร่งปรับปรุงระบบระบายน้ำมาตั้งแต่ปี 2567 ประกอบด้วย
1. บ่อสูบน้ำคูน้ำสารวัตรทหารที่ 11 เขตราชเทวี แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนศรีอยุธยาหน้า สน.พญาไท โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย และวังสวนผักกาด
2. ถนนพระรามที่ 9 บริเวณแยก อสมท. เขตห้วยขวาง เป็นการปรับปรุงบ่อสูบน้ำเดิม ให้เป็นบ่อสูบน้ำถาวรขนาดใหญ่ พร้อมเชื่อมโยงระบบระบายน้ำของชุมชนเข้ากับระบบของกรุงเทพมหานคร โดยจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในซอยทวีมิตร และเป็นต้นแบบการแก้ปัญหาน้ำท่วมร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน
3. ถนนรัชดาภิเษก ช่วงบริเวณหน้าศาลอาญา เขตจตุจักร เป็นการก่อสร้างท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง เชื่อมท่อระบายน้ำฝั่งขาเข้ากับฝั่งขาออก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ
4. ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงวงเวียนบางเขน เขตบางเขน เป็นการสร้างแก้มลิงวงเวียนบางเขน ขนาดกักเก็บน้ำ 6,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมพื้นที่ออกกำลังกาย จะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณวงเวียนบางเขน และเพิ่มพื้นที่สาธารณะ
5. ทำนบกั้นน้ำคลองลำผักชี ข้างตลาดยิ่งเจริญ เขตหนองจอก เป็นการสร้างทำนบกั้นน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่คลองสอง ช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตบางเขน, สายไหม, และถนนเทพรักษ์
6. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าอาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) เขตหลักสี่ เป็นการปรับปรุงบ่อสูบน้ำเดิม ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำลงสู่คลองบางตลาด
7. โครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 กับถนนประชาชื่น (ถนนหมายเลข 10) เขตหลักสี่ ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณหน้าห้างโลตัส สาขาแจ้งวัฒนะ และเพิ่มเส้นทางคมนาคมให้กับประชาชน
8. ถนนแจ้งวัฒนะ ซอยแจ้งวัฒนะ 14 บริเวณบึงสีกัน เขตหลักสี่ เป็นการปรับปรุงแก้มลิงบึงสีกัน ให้สามารถกักเก็บน้ำได้มากขึ้น และระบายน้ำลงสู่คลองบางพูด และคลองตาอูฐ ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในซอยแจ้งวัฒนะ 14 และพื้นที่ใกล้เคียง
ในส่วนของโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 12 อุโมงค์ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภท มีรายละเอียดดังนี้
1. อุโมงค์ระบายน้ำที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่
– อุโมงค์ประชาราษฎร์ สาย 2 ระบายน้ำ 30 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3.5 ตร.กม.
– อุโมงค์บึงมักกะสัน ระบายน้ำ 45 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 26 ตร.กม.
– อุโมงค์คลองแสนแสบ ระบายน้ำ 60 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 50 ตร.กม.
– อุโมงค์คลองบางซื่อ ระบายน้ำ 60 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 56 ตร.กม.
2. อุโมงค์ระบายน้ำที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่
– อุโมงค์หนองบอน ระบายน้ำ 60 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 85 ตร.กม. คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2569
– อุโมงค์คลองเปรมประชากร ระบายน้ำ 60 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 109 ตร.กม. คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2571
– อุโมงค์คลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ระบายน้ำ 30 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 25 ตร.กม. คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2570
– อุโมงค์คลองทวีวัฒนา ระบายน้ำ 32 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 60 ตร.กม. คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2569
3. อุโมงค์ระบายน้ำที่จะก่อสร้างในอนาคต ได้แก่
– อุโมงค์คลองพระยาราชมนตรี ระบายน้ำ 48 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 84 ตร.กม.
– อุโมงค์คลองบางชื่อส่วนต่อขยาย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 33.6 ตร.กม.
– อุโมงค์ใต้คลองพระโขนง ระบายน้ำ 20 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 21 ตร.กม.
– อุโมงค์คลองประเวศ ระบายน้ำ 60 ลบ.ม./วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 30 ตร.กม.
ประกันอัคคีภัยบ้าน
ประกันอัคคีภัยบ้าน 4 ข้อควรรู้ ทั้งเรื่องทุนประกัน เงื่อนไข ความคุ้มครอง และระยะเวลา
วิธีเช็กพื้นที่น้ำท่วม
4 แอปพลิเคชัน เช็กสถานการณ์น้ำท่วม
สำหรับการติดตามสถานการณ์น้ำ สามารถอัปเดตสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน ของหน่วยงานภาครัฐ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแจ้งเตือน ให้คำแนะนำ รับแจ้งเหตุ พร้อมทั้งเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำได้ อย่างทันท่วงที

1. ThaiWater
แอปพลิเคชัน ThaiWater รายงานสถานการณ์น้ำและอากาศของประเทศไทย ทั้งแผนที่และปริมาณฝน 24 ชั่วโมงย้อนหลัง สภาพอากาศประจำวัน เส้นทางพายุ ภาพรวมอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในประเทศ รวมถึงข้อมูลปริมาณน้ำใช้การ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาด้วย
2. DPM Reporter
แอปพลิเคชัน DPM Reporter แจ้งเตือนสาธารณภัย พร้อมส่งข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชนผ่านระบบ Smart Phone ในลักษณะ Private และ Public Channels โดยมีฟังก์ชันข่าวสาธารณภัยรายงานสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ในรูปแบบภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ และรายละเอียดของภัย
ขณะเดียวกันยังมีฟังก์ชันรายงานข่าว โดยเปิดให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมเป็นผู้รายงานสถานการณ์ภัยด้วยตนเอง และฟังก์ชันแผนที่ข่าว แจ้งเตือนภัยล่วงหน้าทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันแจ้งเตือนสาธารณภัย รวบรวมข่าวแจ้งเตือนภัย ทุกประเภท และข้อมูลสรุปสาธารณภัยประจำวัน และฟังก์ชันสถิติสาธารณภัย เป็นการรวบรวมการเกิดสาธารณภัย ครอบคลุมตั้งแต่รายปี รายเดือน รายสัปดาห์ และรายวันด้วย
3. WMSC
แอปพลิเคชัน WMSC ฐานข้อมูลข่าวสาร รายงานทั้งสถานการณ์น้ำประจำวัน ข้อมูลน้ำในอ่าง ข้อมูลน้ำฝน ข้อมูลน้ำท่า กล้องติดตามสถานการณ์น้ำ และข้อมูลการเกษตร รวมถึงรายงานสภาพภูมิอากาศ แผนที่อากาศ แผนที่ลมชั้นบน และภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อช่วยรับมือน้ำท่วม
4. DWR4THAI
แอปพลิเคชัน DWR4THAI ให้บริการข้อมูลข่าวสารของกรมทรัพยากรน้ำ รายงานสถานการณ์น้ำเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบสารสนเทศทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ นำเสนอข้อมูล ข่าวสาร บริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) สู่ประชาชนเพื่อสนับสนุนการติดตาม เฝ้าระวัง และเตือนภัยธรรมชาติด้านทรัพยากรน้ำ
สำหรับผู้ประสบภัย สามารถแจ้งเหตุ และขอความช่วยเหลือทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ1784" โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และ แอปพลิเคชั่น "พันภัย" รวมถึง(telephone)สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
เช็กพื้นที่น้ำท่วมแบบเรียลไทม์
กรุงเทพมหานคร เปิดช่องทางให้ประชาชนตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมถนนแบบเรียลไทม์ จากสถานีวัดน้ำ 108 จุดทั่วกรุงเทพฯ ครอบคลุมทั้งถนนสายหลักและอุโมงค์ข้ามแยก มั่นใจก่อนเดินทาง ผ่านเว็บไซต์ weather.bangkok.go.th/Flood
โดยระบบดังกล่าวครอบคลุมทั้งถนนสายหลักและอุโมงค์ข้ามแยกที่มักได้รับผลกระทบเมื่อเกิดฝนตกหนัก ซึ่งระบบจะแสดงข้อมูลระดับน้ำบนถนนแบบเรียลไทม์ พร้อมอัปเดตต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
ค้นหาพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูงจากระดับความสูง-ต่ำ
ระดับความสูง-ต่ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แต่ละพื้นที่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมไม่เท่ากัน โดยพื้นที่ในกรุงเทพฯ สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1-1.5 เมตร เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น เช่น
- เพชรบูรณ์ 114 เมตร
- นครราชสีมา 187 เมตร
- อุตรดิตถ์ 63 เมตร
- ราชบุรี 5 เมตร
- ภูเก็ต 2 เมตร
ซึ่งถือว่ามีระดับที่ไม่สูงมากนัก โดยแต่ละเขตมีความสูง ดังนี้
แม้ว่ากรุงเทพฯ หลายเขตจะอยู่ในช่วงระดับต่ำกว่า 0 เมตร จนถึงสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1 เมตร แต่น้ำกลับไม่ท่วมในช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 หากไม่นับเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ที่จะยอมให้ท่วมไม่ได้แล้ว ก็จะมีเขตบางนา ที่แม้พื้นที่ส่วนใหญ่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1 เมตร แต่น้ำกลับไม่ท่วม
วิธีเลือกซื้อบ้านในหน้าฝน
ดู 5 วิธีเลือกซื้อบ้านในหน้าฝน เลือกอย่างไรให้ได้บ้านตรงใจ
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พบว่า ปริมาณฝนตก ในเขตกรุงเทพฯ มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5% ระดับน้ำทะเลสถานีหลัก บริเวณปากแม่น้ำทั้ง 4 คือ แม่กลอง, ท่าจีน, เจ้าพระยา และบางปะกง มีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 1.3 เซนติเมตรต่อปี ขณะที่กรุงเทพฯ มีการทรุดตัวประมาณ 1 เซนติเมตรต่อปี ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น 3 มิลลิเมตรทุกปี
เช็กพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจาก GISTDA
เช็กพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ผ่านเว็บไซต์ https://disaster.gistda.or.th โดยจะเป็นการแสดงพื้นที่น้ำท่วมจากภาพถ่ายดาวเทียม
โดยข้อมูลจากเว็บไซต์นี้ สามารถตรวจสอบเบื้องต้นว่าพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมแบบ Real time และข้อมูลแบบเป็นสถิติ ดังนี้

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำท่วมหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องการทิ้งขยะและการดูแลรักษาท่อระบายน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากฝนแล้วสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมคือปัญหาขยะอุดตันตามท่อระบายน้ำ ดังนั้นการเช็กพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจึงต้องพิจารณาหลาย ๆ ด้านควบคู่กัน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ