กู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน 3 วิธีจัดการปัญหาหนี้สิน เมื่อความรักจบลง

DDproperty Editorial Team
กู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน 3 วิธีจัดการปัญหาหนี้สิน เมื่อความรักจบลง
กู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน สิ่งที่ตามมาคือจะจัดการบ้านที่กู้ร่วมกันนั้นอย่างไร แม้ความรักจะจบลง แต่ภาระหนี้สินการกู้เงินของคู่รักที่กู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกันนั้นก็ยังคงอยู่และไม่ได้จบลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกวิธีขายบ้านเพื่อจบปัญหาหรือทำการถอนชื่อผู้กู้ร่วมออกเพื่อผ่อนบ้านต่อเพียงคนเดียว ควรศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจ และตรวจเช็กเงื่อนไขของวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างละเอียด ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อกู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน มี 3 วิธีในแก้ปัญหาด้วยกัน
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

1. ถอดถอนชื่อผู้กู้ร่วม

กู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน สามารถถอดชื่อผู้กู้ร่วมได้ แต่ปัญหาหลักของวิธีนี้ คือ การตกลงกันให้ได้ว่าใครจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของบ้านหลังนี้ และอีกฝ่ายต้องยินยอมโอนกรรมสิทธิ์ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอม ก็ไม่สามารถถอดถอนชื่อผู้กู้ร่วมได้ แต่หากเจรจากันได้ ก็มีด้วยกัน 2 กรณี
กรณีที่ 1 คู่รักที่จดทะเบียนสมรสกัน
ให้ทำการจดทะเบียนหย่าให้เรียบร้อย จากนั้นนำใบหย่าและสัญญาจะซื้อจะขายไปขอถอนชื่อคู่รักที่เลิกราออกจากสัญญากู้ที่ทำไว้กับธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารจะเปลี่ยนรูปแบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสัญญาเงินกู้ใหม่
กรณีที่ 2 คู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
กรณีนี้ต้องไปตกลงกันว่า จะให้ใครเป็นคนถือกรรมสิทธ์เจ้าของทรัพย์สิน โดยต้องทำการแจ้งถอดถอนชื่อออกกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ทำสัญญากู้ไว้ พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์กับธนาคารว่าต้องการถือกรรมสิทธ์เพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะประเมินความสามารถของผู้กู้ว่าสามารถผ่อนชำระต่อคนเดียวได้หรือไม่

2. รีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้คนเดียว

3 วิธีจัดการปัญหากู้ร่วมซื้อบ้านเมื่อคู่รักเลิกกัน
อีกหนึ่งทางออกเมื่อกู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน ในกรณีที่ธนาคารเก่าไม่อนุมัติการถอดถอนชื่อผู้กู้ร่วม คือ การรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่เพื่อขอกู้คนเดียว โดยทั่วไปธนาคารจะอนุมัติให้กู้คนเดียวแต่ต้องมีการประเมินว่าผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
1. ธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ เช่น หน้าที่การงาน รายได้ แหล่งที่มาของรายได้ ภาระหนี้สิน และความมั่นคงของงาน เป็นต้น โดยเฉพาะพฤติกรรมการผ่อนชำระหนี้ตรงเวลากับธนาคารเก่า
2. ธนาคารจะพิจารณารายได้ว่าต้องมีรายได้ที่มากพอคนเดียวที่จะผ่อนชำระบ้านหลังนี้ในแต่ละเดือน หากประเมินรายได้แล้วผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระ ทางธนาคารก็จะอนุมัติสินเชื่อ
แต่ถ้าเป็นไปในทางตรงข้าม ธนาคารก็จะไม่อนุมัติในการขอกู้คนเดียว ต่อให้มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ธนาคารเก่าตรงเวลาก็ตาม
3. ผู้กู้ต้องไม่มีประวัติหนี้เสียอยู่ในเครดิตบูโร เช่น ในกรณีที่มีบัตรเครดิตหลายใบและมีวงเงินรวมกันทุกบัตรสูงกว่ารายได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งการผิดนัดชำระหนี้ ทางธนาคารจะประเมินว่าเป็นภาระหนี้สินที่มีมากเกินความจำเป็น ทำให้ผู้กู้มีประวัติหนี้เสียได้ ทำให้ธนาคารไม่อนุมัติการรีไฟแนนซ์
4. เมื่อธนาคารอนุมัติการรีไฟแนนซ์เรียบร้อย ในวันที่จดจำนองรีไฟแนนซ์ใหม่ ต้องตามตัวผู้กู้ร่วมมาเซ็นยินยอมโอนบ้าน ทั้งนี้ปัญหาที่มักจะพบ คือ ไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้ หรืออีกกรณี คือ ผู้กู้ร่วมบางคนอาจมีข้อเสนอมาแลกเปลี่ยนจึงจะเซ็นยินยอมให้
Retention vs Refinance

Retention vs Refinance

ขายบ้านแบ่งเงินเพื่อแก้ปัญหากู้ร่วมซื้อบ้าน

3. ประกาศขาย

กู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน และทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการบ้านหลังนี้ การขายบ้านถือเป็นวิธีที่ปิดการกู้ร่วมและจบปัญหาได้ง่ายโดยทั้งสองฝ่ายไม่ต้องรับภาระในการผ่อนบ้านต่อ และมีขั้นตอนในการเตรียมตัวขายบ้านที่ควรรู้ ได้แก่
1. เตรียมพร้อมก่อนขายบ้าน เช็กความเรียบร้อยของบ้านว่าอยู่ในสภาพพร้อมขายหรือไม่ และต้องตรวจหาจุดที่ต้องซ่อมแซม ปรับปรุง และทำความสะอาด ทั้งนี้บ้านที่ขายต้องพร้อมเข้าอยู่ เพราะผู้ซื้อบ้านส่วนใหญ่ต้องการบ้านที่มีสภาพสมบูรณ์
2. ตรวจสอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อประกอบการตั้งราคาขาย เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนบ้าน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นระหว่างปิดการขาย เพื่อจะได้ตั้งราคาขึ้นมาให้เหมาะสมและไม่ขาดทุน
เพราะหากไม่รู้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และตั้งราคาต่ำเกินไป แม้ว่าจะสามารถขายบ้านได้เร็วขึ้นกว่าการตั้งราคาสูง แต่ก็จะสูญเสียรายได้ส่วนที่ไม่ควรเสีย แต่ถ้าตั้งราคาสูงเกินไปก็จะทำให้ขายบ้านได้ยาก ดังนั้นควรตั้งราคาให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
3. ฝากขายบ้านกับเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้ปิดการขายเร็ว โดยควรเลือกจากเว็บไซต์ที่สามารถใช้งานและค้นหาได้ง่ายไม่ซับซ้อน แบ่งหมวดหมู่การค้นหาชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น ประเภทอสังหาริมทรัพย์, ทำเล และราคา รวมไปถึงครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮม หรือคอนโด
หลังจากที่ขายบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากการขายจะต้องมาดูว่าบ้านหลังนี้มีมาก่อนการจดทะเบียนสมรสหรือไม่ เพราะหากบ้านนี้มีมาก่อนจดทะเบียนสมรส กำไรที่ได้จากการขายบ้านต้องเป็นของเจ้าของบ้าน
แต่หากเป็นการซื้อบ้านร่วมกันและได้มาภายหลังจดทะเบียนจะถือว่าเป็นสินสมรส ดังนั้น กำไรที่ได้จากการขายบ้านจะถูกแบ่งกันคนละครึ่ง
ขั้นตอนการขายบ้าน-คอนโด

ขั้นตอนการขายบ้าน-คอนโด

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น คือ ทางแก้สำหรับคู่รักที่กู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน จดทะเบียนสมรสหรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่เมื่อกู้ร่วมกันแล้วก็ต้องหาทางแก้ปัญหาการกู้ร่วมซื้อบ้านร่วมกัน ถึงแม้ว่าการผ่อนต่อคนเดียว ไม่ว่าจะรีไฟแนนซ์หรือไม่ เป็นทางเลือกที่สบายใจแต่ก็ต้องแน่ใจว่าสามารถผ่อนไหว
ส่วนการเลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีการขายบ้านก็ถือเป็นทางออกที่ดีและปิดปัญหาการกู้ร่วมได้โดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางการเงิน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

คำถามยอดนิยม

กู้ร่วมซื้อบ้าน คือการร่วมเซ็นสัญญายื่นกู้ซื้อทรัพย์สินชิ้นเดียวกัน โดยผู้กู้ร่วมเป็นได้ทั้ง คู่ชีวิต (รวมถึง LGBTQ+) คู่สมรส พ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติ การกู้ร่วมเป็นการแสดงให้ธนาคารเห็นว่าผู้ร่วมรับภาระหนี้มีความสามารถทางการเงินเพียงพอในการชำระหนี้ และช่วยให้ธนาคารอนุมัติการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

หากกู้ร่วมซื้อบ้านแล้วเลิกกัน คู่กู้ต้องตกลงกันว่าจะให้ใครรับสิทธิ์ครอบครองบ้านต่อ โดยอีกฝ่ายอาจโอนสิทธิออกจากสัญญา หรือขายบ้านเพื่อแบ่งเงิน หากตกลงกันไม่ได้ อาจต้องดำเนินคดีเพื่อแบ่งทรัพย์สินตามกฎหมาย

เมื่อกู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีภาระร่วมกันตามสัญญากับธนาคารจนกว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อผู้กู้ ดังนั้นหากฝ่ายใดหยุดจ่าย อีกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบหนี้ทั้งหมดตามกฎหมาย

สามารถถอนชื่อออกจากการกู้ร่วมได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากธนาคาร และผู้ที่เหลืออยู่ต้องมีรายได้เพียงพอผ่อนต่อคนเดียว ธนาคารจะพิจารณาใหม่อีกครั้งตามหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อ

หากกู้ร่วมซื้อบ้าน แล้วเลิกกัน และยังไม่ได้โอนสิทธิ บ้านถือเป็นทรัพย์สินร่วม ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ครอบครองเท่ากัน เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร หรือพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้จ่ายเงินมากกว่า