7 วิธีออมเงินซื้อคอนโดเพื่อชาวฟรีแลนซ์

DDproperty Editorial Team
7 วิธีออมเงินซื้อคอนโดเพื่อชาวฟรีแลนซ์
อยากมีคอนโดเป็นของตนเอง แต่ไม่รู้ว่าจะหาวิธีออมเงินอย่างไรดี ถ้ายังต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงลิ่วและมีสิ่งของล่อตาล่อใจให้เสียเงินมากมายแบบนี้ การจะเก็บเงินซื้อคอนโดสักก้อนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายของคนที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ
ถ้ายิ่งทำงานแบบฟรีแลนซ์ด้วยแล้ว การออมเงินเพื่อซื้อคอนโดในฝันก็ยิ่งดูจะห่างไกลจากความเป็นจริงออกไปอีก แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยการใช้วิธีออมเงินต่อไปนี้ ชาวฟรีแลนซ์ทั้งหลายก็อาจเป็นเจ้าของคอนโดในฝันได้ไม่ยากอีกต่อไป

1. เริ่มต้นด้วยการทำรายรับรายจ่าย

การทำรายรับรายจ่ายถือเป็นเคล็ดลับในการเก็บเงินซื้อบ้านและคอนโดที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งจะทำให้ตนเองทราบว่ามีรายรับเท่าไรและใช้จ่ายไปกับสิ่งใดบ้างในแต่ละเดือน
เมื่อเห็นภาพรวมรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ชาวฟรีแลนซ์ก็จะสามารถคำนวณเงินที่สามารถเก็บออม และหาวิธีเพิ่มรายได้-ลดรายจ่ายของตนเอง เพื่อเพิ่มความสามารถในการออมเงินให้มากขึ้น โอกาสในการขอกู้คอนโดผ่านก็ยิ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

2. หักทุกรายได้เข้าบัญชีเงินออม

เนื่องจากรายได้ของชาวฟรีแลนซ์นั้นไม่สม่ำเสมอ การตั้งเป้าหมายว่าจะต้องออมเงินเป็นจำนวนหนึ่งต่อเดือนจึงดูจะไม่ตอบโจทย์สำหรับคนทำงานกลุ่มนี้ จึงขอเสนอวิธีออมเงินโดยการหักเปอร์เซ็นต์จากรายได้ที่เข้ามาในแต่ละรอบดีกว่า
เช่น ถ้าฟรีแลนซ์ได้รับรายได้จากค่างาน 6,000 บาท ก็หักเป็นเงินออมเลยร้อยละ 10-20 ของรายได้ โดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการออมของตนเอง ชาวฟรีแลนซ์ก็จะมีเงินออมทันที 600-1,200 บาท เมื่อรวมทั้งเดือนก็อาจมีเงินออมมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ต่อเดือนด้วยซ้ำ

DDproperty Tip

การตั้งเป้าออมเงิน 10-20% จะช่วยให้ธนาคารประเมินรายได้ขั้นต่ำได้ และยังช่วยเพิ่มวินัยการออมเงินในเดือนที่มีรายได้เยอะกว่าปกติ

3. มองหาวิธีออมเงินที่ได้ผลตอบแทนสูง

การโยนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ทิ้งไว้เฉย ๆ นอกจากจะไม่ได้อะไรกลับคืนมาให้ชื่นใจแล้ว มูลค่าเงินในบัญชีก็ยังค่อย ๆ ลดลงตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้นการนำเงินออมไปฝากกับบัญชีฝากประจำดอกเบี้ยสูง หรือนำไปลงทุนกับกองทุนต่าง ๆ ตามระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ เงินที่เก็บสะสมไว้ก็จะงอกเงยได้มากกว่า
แต่อย่าลืมว่าทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ชาวฟรีแลนซ์ต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกช่องทางลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง

4. คุ้มค่าใช้จ่ายด้วยการแยกบัญชีให้ชัดเจน

วิธีออมเงินซื้อบ้านและคอนโดอย่างได้ผลนั้นไม่ใช่แค่เก็บเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรู้จักบริหารจัดการเงินอย่างรอบคอบด้วย โดยต้องแยกบัญชีใช้จ่ายกับบัญชีเงินออมออกจากกันเป็นอันดับแรก และกันเงินออมไว้ไม่ให้ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันโดยง่าย
ส่วนเงินที่แยกไว้ใช้จ่ายก็ควรใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็น และไม่ควรตามใจตนเองเมื่อคิดจะเก็บเงินซื้อคอนโด ไม่เช่นงั้นเงินออมอาจละลายกลายเป็นสิ่งของสนองความอยากของตนเองไปในที่สุด
พฤติกรรมทำเจ็บ ทำเก็บเงินไม่อยู่

พฤติกรรมทำเจ็บ ทำเก็บเงินไม่อยู่

วิธีออมเงินของชาวฟรีแลนซ์

5. การยื่นภาษีคือหัวใจสำคัญ

เนื่องจากชาวฟรีแลนซ์ไม่มีสลิปหรือหนังสือรับรองเงินเดือนแบบผู้ที่ทำงานประจำ จึงมีสิ่งเดียวที่จะแสดงให้ธนาคารเห็นว่าฟรีแลนซ์มีรายได้จริง ๆ นั่นก็คือ หลักฐานทางภาษี ซึ่งจะช่วยยืนยันว่าฟรีแลนซ์มีรายได้ตลอดทั้งปี อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนรายได้อื่น ๆ ที่ไม่ผ่านกระบวนการทางภาษี ธนาคารก็มักจะไม่นำมานับเป็นรายได้ โดยหลักฐานทางภาษีที่ฟรีแลนซ์จำเป็นต้องแสดงกับธนาคารเมื่อกู้คอนโด มีดังนี้

– หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)

หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่ายนั้นเปรียบเสมือนสลิปเงินเดือนของชาวฟรีแลนซ์เลยก็ว่าได้ โดยลูกค้าจะต้องเป็นผู้ออกเอกสารฉบับนี้ให้กับชาวฟรีแลนซ์เสมอเมื่อมีการจ่ายเงินค่าจ้าง และมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามเงื่อนไขที่ว่าจ้างกันไว้ เช่น ค่าบริการหักร้อยละ 3 ของเงินค่าจ้าง เป็นต้น
ใบ 50 ทวิ สำคัญแค่ไหน

ใบ 50 ทวิ สำคัญแค่ไหน

– แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90)

แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเอกสารที่ผู้มีรายได้ทุกคนจำเป็นต้องยื่นต่อกรมสรรพากรทุกปี โดยชาวฟรีแลนซ์หรือผู้มีรายได้หลายทางให้ใช้ ภ.ง.ด. 90 เพื่อแสดงรายได้ของปีที่ผ่านมา และจำนวนเงินต้องสัมพันธ์กับรายได้และภาษีหัก ณ ที่จ่ายจาก 50 ทวิ ด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถขอคืนภาษีดังกล่าวได้ โดยแสดงรายการค่าใช้จ่ายและเอกสารที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีในการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 เช่น ใบเสร็จรับเงินจ่ายเบี้ยประกัน เอกสารการซื้อกองทุน LTF เอกสารการซื้อกองทุน RMF เอกสารรับรองบุตร ทะเบียนสมรส เป็นต้น เงินคืนภาษีนี้ก็จะเป็นการเพิ่มเงินออมอีกทางหนึ่ง
ฟรีแลนซ์กู้ซื้อบ้านอย่างไรให้ผ่านฉลุย

ฟรีแลนซ์กู้ซื้อบ้านอย่างไรให้ผ่านฉลุย

6. ให้บัตรเครดิตช่วยเพิ่มเครดิต

รู้หรือไม่ว่าการใช้บัตรเครดิตอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มเครดิตให้กับผู้ถือบัตรได้ เพราะธนาคารสามารถดูพฤติกรรมการใช้จ่ายและวินัยทางการเงินของผู้ที่ต้องการกู้คอนโดได้จากจุดนี้ การใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวัง จ่ายเต็มทุกครั้ง และไม่มีหนี้ผ่อนคงค้างจึงช่วยให้การกู้ซื้อคอนโดมีโอกาสผ่านง่ายกว่าเดิม

7. มีเงินสำรองใช้เพื่อไม่ให้กระทบกับเงินผ่อน

นอกจากการเดินบัญชีรายได้ ชาวฟรีแลนซ์ยังต้องมีบัญชีเงินสำรองสำหรับเก็บเงินเพื่อใช้ทดแทนรายได้ในยามฉุกเฉินด้วย และควรมีสำรองอย่างน้อย 5-6 เท่าของรายได้โดยประมาณต่อเดือน ซึ่งวิธีออมเงินสำรองแบบนี้จะช่วยให้ธนาคารมั่นใจได้ว่าปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้กู้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผ่อนคอนโดในอนาคต

ตารางเปรียบเทียบจำนวนเงินผ่อนชำระบ้าน และวงเงินกู้ซื้อบ้าน-คอนโดสูงสุด

เงินเดือน 15,000 บาท
6,000 บาท
900,000 บาท
เงินเดือน 20,000 บาท
8,000 บาท
1,200,000 บาท
เงินเดือน 25,000 บาท
10,000 บาท
1,500,000 บาท
เงินเดือน 30,000 บาท
12,000 บาท
1,800,000 บาท
เงินเดือน 35,000 บาท
14,000 บาท
2,100,000 บาท
เงินเดือน 40,000 บาท
16,000 บาท
2,400,000 บาท
เงินเดือน 45,000 บาท
18,000 บาท
2,700,000 บาท
เงินเดือน 50,000 บาท
20,000 บาท
3,000,000 บาท
เงินเดือน 55,000 บาท
22,000 บาท
3,300,000 บาท
เงินเดือน 60,000 บาท
24,000 บาท
3,600,000 บาท
เงินเดือน 65,000 บาท
26,000 บาท
3,900,000 บาท
เงินเดือน 70,000 บาท
28,000 บาท
4,200,000 บาท
เงินเดือน 80,000 บาท
32,000 บาท
4,800,000 บาท
เงินเดือน 90,000 บาท
36,000 บาท
5,400,000 บาท
เงินเดือน 100,000 บาท
40,000 บาท
6,000,000 บาท
หมายเหตุ: ตัวเลขโดยประมาณ
แม้ว่าจะไม่มีแหล่งที่มาของรายได้ประจำ แต่ธนาคารก็ไม่เคยห้ามฟรีแลนซ์กู้ซื้อคอนโดหรือบ้านแต่อย่างใด ขอเพียงแต่ใช้วิธีออมเงินที่ดี แสดงแหล่งที่มาของรายได้อย่างถูกต้อง และมีวินัยทางการเงิน ธนาคารก็พร้อมอ้าแขนต้อนรับชาวฟรีแลนซ์ด้วยความยินดี
เทคนิคเหล่านี้ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อชาวฟรีแลนซ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น มนุษย์เงินเดือนก็ทำได้ คนที่กำลังมองหาวิธีออมเงินแสนหรือวิธีออมเงินล้านก็นำไปใช้ออมเงินแบบยาว ๆ ได้เช่นกัน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

คำถามยอดนิยม

สามารถคำนวณคร่าว ๆ ได้โดยนำความสามารถในการผ่อนชำระรายเดือนมาคูณกับ 150 ก็จะสามารถประมาณวงเงินกู้สูงสุดได้ เช่น ผ่อนได้เดือนละ 12,000 จะกู้บ้านได้ 12,000 x 150 = 1,800,000 บาท

เงินเดือน 30,000 บาท สามารถซื้อบ้านได้ในราคาประมาณ 2 ล้านบาท (หากไม่มีหนี้อื่น ๆ)