อายุอาคาร บ้านมือสอง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณาในการซื้อ เนื่องจากบ้านที่มีอายุมากอาจมีปัญหาด้านโครงสร้างหรือสภาพภายในบ้านมีความชำรุดเสียหาย ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือปรับปรุงเพิ่มเติม
แต่ปัจจัยที่ทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อบ้านมือสองที่มีอายุมากหรือสร้างมานานหลายปี คงเป็นเรื่องของราคาบ้านที่ต่ำกว่าบ้านใหม่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน หรือถูกใจทำเลที่ตั้ง เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน ใกล้รถไฟฟ้า แต่นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยให้ต้องพิจารณา
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- อายุอาคาร บ้านมือสอง คือเท่าไหร่
- อายุอาคาร บ้านมือสองที่เหมาะสม
- อายุอาคาร บ้านมือสอง กี่ปีควรพิจารณาให้มากขึ้น
- ข้อดีของการซื้อบ้านมือสอง
- ซื้อบ้านมือสอง ต้องพิจารณาอย่างไร
อายุอาคาร บ้านมือสอง คือเท่าไหร่
ก่อนอื่นมาดูเรื่องของอายุอาคาร บ้านมือสองกันก่อน ซึ่งจะหมายถึงจำนวนปีที่บ้านหลังนั้นถูกสร้างขึ้น โดยทั่วไปจะนับเป็นบ้านมือสองตั้งแต่มีการเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิม โดยอายุอาคาร บ้านมือสอง อาจมีอายุตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึง 30 ปีขึ้นไป อาจเป็นบ้านที่เจ้าของเดิมเคยอยู่อาศัยใช้ประโยชน์มาแล้วและต้องการขายต่อให้กับผู้อื่น หรืออาจเป็นบ้านที่ไม่มีใครเคยอยู่อาศัยมาก่อนก็ได้
ก่อนจะตัดสินใจกู้ซื้อบ้านมือสอง หลัก ๆ จึงต้องดูสภาพบ้านและความต้องการของผู้ซื้อประกอบกัน ปกติแล้วอายุอาคาร บ้านมือสอง ที่มีอายุน้อยมักจะมีราคาสูงกว่าอาคาร บ้านมือสอง ที่มีอายุมากกว่า เนื่องจากสภาพบ้านยังใหม่อยู่และมีโอกาสชำรุดเสียหายน้อยกว่า
ข้อควรรู้ก่อนซื้อบ้านมือสอง
6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อบ้านมือสอง ไม่ให้โดนหลอก ได้ที่นี่
อายุอาคาร บ้านมือสองที่เหมาะสม
แล้วอายุอาคาร บ้านมือสองที่เหมาะสม ควรอยู่ที่กี่ปี ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของผู้ซื้อเป็นหลัก โดยผู้ซื้อที่มีงบประมาณจำกัดอาจเลือกซื้อบ้านมือสองที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป เนื่องจากราคาจะต่ำกว่าบ้านมือสองที่มีอายุน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบสภาพบ้านมือสองอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
บ้านมือสองราคาดีดูอย่างไร
บ้านมือสองราคาดีจับต้องได้ 5 ข้อที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อบ้าน
อายุอาคาร บ้านมือสอง กี่ปีควรพิจารณาให้มากขึ้น
อาคาร บ้านมือสองกี่ปีไม่ควรซื้อ มีหลายปัจจัยให้พิจารณา เช่น สภาพบ้าน ทำเลที่ตั้ง วัสดุที่ใช้ก่อสร้าง ราคา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว บ้านมือสองที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป อาจไม่คุ้มค่าแก่การซื้อ เนื่องจากอาจมีปัญหาด้านโครงสร้างหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ชำรุดเสียหาย ซึ่งอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือปรับปรุงเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ บ้านมือสองที่มีอายุมากอาจไม่ทันสมัยหรือตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบัน เช่น การออกแบบบ้านที่ไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ หรือระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่ล้าสมัย เป็นต้น ดังนั้น ผู้ซื้อบ้านมือสองควรพิจารณาอายุบ้านมือสองควบคู่กับปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ
ทาวน์โฮมอายุกี่ปีถึงไม่ควรซื้อ
ทาวน์โฮมอายุกี่ปีถึงไม่ควรซื้อ 4 ปัจจัยที่ต้องตรวจเช็กให้ดี ๆ
ตัวอย่างบ้านมือสองที่ไม่ควรซื้อ
ลักษณะบ้านมือสอง | ปัญหาที่อาจพบ |
บ้านมือสองอายุมากกว่า 30-40 ปีขึ้นไป | ปัญหาด้านโครงสร้างหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ชำรุดเสียหายจนเกินจะซ่อมแซม |
บ้านมือสองที่มีประวัติการซ่อมแซมบ่อยครั้ง | อาจมีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูง |
บ้านมือสองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหา | พื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ พื้นที่แออัด อาจไม่ปลอดภัยและสะดวกในการอยู่อาศัย |
บ้านมือสองที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดมาก | เป็นบ้านที่เคยมีการก่อเหตุฆาตกรรม หรือขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านผีสิง |
ข้อดีของการซื้อบ้านมือสอง
1. ราคาต่ำกว่าบ้านมือหนึ่ง บ้านมือสองมีราคาต่ำกว่าบ้านมือหนึ่งหรือบ้านใหม่ เนื่องจากเจ้าของเดิมได้ใช้ประโยชน์จากบ้านมาแล้ว ช่วยประหยัดงบประมาณในการซื้อ
ประกาศขายบ้านเดี่ยว
รวมประกาศขายบ้านเดี่ยว ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท หลายทำเล
2. ได้บ้านในทำเลที่ต้องการ บ้านมือสองมักตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งปัจจุบันทำเลที่ดีหาได้ค่อนข้างยาก ราคาที่ดินค่อนข้างสูง และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้จับจองที่ดินไว้เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ดังนั้นถ้าอยากได้ทำเลที่ต้องการ ราคาเอื้อมถึง อาจจะต้องมองหาเป็นบ้านมือสองแทน
3. ได้บ้านพร้อมอยู่ บ้านมือสองมักมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมอยู่ ผู้ซื้อจึงสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันทีโดยไม่ต้องตกแต่งหรือปรับปรุงเพิ่มเติม
4. สามารถต่อรองราคาได้ ผู้ซื้อบ้านมือสองสามารถต่อรองราคากับเจ้าของเดิมได้ เนื่องจากเจ้าของเดิมมีความต้องการอยากขายบ้านอยู่แล้ว
ซื้อบ้านมือสอง ต้องพิจารณาอย่างไร
การซื้อบ้านมือสอง ยังมีอีกหลายปัจจัยให้ต้องพิจารณา เพื่อให้ได้บ้านที่คุ้มค่าและตรงกับความต้องการมากที่สุด
1. พิจารณาอายุอาคาร บ้านมือสอง ควบคู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น สภาพบ้าน ทำเลที่ตั้ง วัสดุที่ใช้ก่อสร้าง ราคา ตรวจสอบสภาพบ้านมือสองอย่างละเอียดทั้งภายในและภายนอก โดยเน้นตรวจสอบจุดต่าง ๆ ที่อาจมีปัญหา เช่น โครงสร้างบ้าน หลังคา ผนัง พื้น ท่อน้ำ ไฟฟ้า เป็นต้น
2. สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบ้านมือสองตั้งแต่เริ่มก่อนสร้างจนถึงปัจจุบัน ทั้งประวัติเจ้าของเดิม เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อาชีพ ระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในบ้าน
รวมถึงประวัติการซ่อมแซมบ้านมือสอง เช่น รายการซ่อมแซม สาเหตุการซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบ้าน เช่น โฉนดที่ดิน ใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน แปลนบ้านที่ได้รับอนุญาต เป็นต้น
3. จ้างวิศวกรหรือสถาปนิกมาตรวจสอบสภาพบ้านมือสอง เนื่องจากมีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการตรวจสอบสภาพบ้านทั้งภายในและภายนอก โดยเน้นตรวจสอบจุดต่าง ๆ ที่อาจมีปัญหา
ช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าอาคาร บ้านมือสองที่ซื้อมีสภาพดีและใช้งานได้อย่างปลอดภัย และยังสามารถนำไปเจรจาต่อรองราคาบ้านได้ เนื่องจากซื้อไปแล้วต้องมีการปรับปรุง รีโนเวทใหม่ถึงจะเข้าอยู่อาศัยได้
สำหรับใครที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง นอกจากอายุอาคาร บ้านมือสองแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาให้รอบด้าน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ