เจาะเทรนด์ใหม่ พื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ค้าปลีกแห่งอนาคต

ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ค้าปลีกยุคใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์วิถีการใช้ชีวิต การทำงาน และการจับจ่ายใช้สอย ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บ้านที่ทั้งทันสมัย, สวยงาม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาจเคยฟังดูเหมือนเป็นเรื่องราวในความฝัน แต่วันนี้ในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว

เมื่อความต้องการของผู้ซื้อเปลี่ยนแปลงไป ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ปรับตัวด้วยโครงการที่ผสมผสานการออกแบบ, นวัตกรรม และเป้าหมายที่ชัดเจนเข้าด้วยกัน โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เชิงพาณิชย์ แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม ชุมชนที่อยู่อาศัยโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในที่ทันสมัย ขณะที่พื้นที่ที่ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมก็ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงทั้งผู้อยู่อาศัยและโลกไปพร้อม ๆ กัน

โดยหนึ่งในมุมมองที่สะท้อนทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันได้อย่างชัดเจน คือเวที PropertyGuru Thailand Property Awards 2025 แม้ผู้ได้รับรางวัลบางรายจะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ แต่ผลงานของพวกเขาก็ฉายภาพอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ทั้งด้านที่อยู่อาศัยและพื้นที่ค้าปลีกในยุคต่อไปได้

บ้านอัจฉริยะในปัจจุบันไม่ได้มีดีแค่โชว์เทคโนโลยีล้ำ ๆ แต่ถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อรองรับการใช้ชีวิตจริงในแต่ละวัน

ตัวอย่างเช่นโครงการวีเว่ นิว กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (VIVE New Krungthep Kreetha) โดยบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่คว้ารางวัล Best Luxury Lifestyle Housing Architectural Design-Bangkok เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น มีเพียง 73 ยูนิตเท่านั้น แต่ละหลังมาพร้อมระบบสมาร์ทโฮม, ประตูดิจิทัล และระบบรักษาความปลอดภัยครบครัน

ทุกหลังติดตั้งลิฟต์ส่วนตัว เพิ่มความสะดวกสบายและความหรูหราในชีวิตประจำวัน การออกแบบทั้งหมดสะท้อนถึงความพิถีพิถันและเอกลักษณ์เฉพาะ แตกต่างจากการสร้างบ้านทั่วไป

แม้แต่ละครอบครัวจะมีความต้องการที่ต่างกัน แต่สิ่งที่คล้ายกันคือการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า รองรับการอยู่อาศัยหลายเจเนอเรชัน และการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต

โครงการเดอะ ซิตี้ ราชพฤกษ์-พรานนก (THE CITY Ratchapruek-Phrannok) โดยบริษัท เอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เจ้าของรางวัล Best Housing Architectural Design-Bangkok ตอบโจทย์เหล่านี้ได้ดี ตัวบ้านได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสไตล์ Modern Tudor มาพร้อมห้องนอนชั้นล่างที่มีห้องน้ำในตัว เหมาะกับผู้สูงอายุหรือแขกที่มาพัก

นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบสมาร์ทโฮม, จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า, ระบบกรองอากาศ และโครงสร้างรองรับการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในอนาคต

สะท้อนสิ่งที่ผู้ซื้อยุคใหม่ต้องการอย่างแท้จริง ทั้งในแง่เทคโนโลยีและการออกแบบที่เหนือกาลเวลา

ทุกวันนี้ผู้ที่มองหาบ้านหรูไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงความสวยงามอีกต่อไป แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าบันไดวนอันโดดเด่น หรือการจัดวางพื้นที่ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาตินั้นชวนประทับใจ แต่สำหรับหลายคนแล้ว ความหรูหราจะมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นหากตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงในทุกมิติ

หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโครงการบีร์ออน เกษตร-นวมินทร์ (BEON Kaset-Nawamin) โดยบริษัท เอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่คว้ารางวัล Best Luxury Housing Interior Design-Bangkok ผลงานการออกแบบของ At Forty ที่ผสมผสานเส้นสายโค้งมนกับเส้นตรงอย่างกลมกลืน ใช้โทนสีอบอุ่นตัดกับวัสดุที่ให้ความรู้สึกเย็นตา สร้างบรรยากาศที่เรียบง่ายแต่ดูหรูหรา

สิ่งที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างคือรายละเอียดที่ออกแบบเพื่อการอยู่อาศัยจริง ไม่ว่าจะเป็นบันไดวนที่สง่างาม ชั้นลอยแบบลอฟต์, ม้านั่งยาว ที่กลมกลืนกับพื้นที่ ทุกองค์ประกอบผสานทั้งความหรูหรา ความสะดวกสบาย และฟังก์ชันในเวลาเดียวกัน

อีกทั้งยังมีพื้นที่ส่วนกลาง อย่างห้องครอบครัว (Family Room), เลานจ์ และฟิตเนส ที่ถูกออกแบบให้เป็นส่วนต่อขยายของบ้านอย่างแท้จริง ไม่ใช่การเติมแต่งภายหลัง

อีกตัวอย่างคือโครงการฟีล ภูเก็ต 2 (Phyll Phuket II) โดยบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับรางวัล Best Condo Architectural Design-Phuket ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากภูมิประเทศของหมู่เกาะรอบภูเก็ต

อาคารคอนโดจัดวางล้อมรอบสวนและสระว่ายน้ำกลาง ให้ความรู้สึกเหมือนหมู่เกาะธรรมชาติ เส้นสายโค้งของตัวอาคารช่วยลดทอนความแข็งกระด้าง ขณะที่ยูนิตมุมถูกออกแบบด้วยกระจกโค้งเพื่อเปิดรับวิวได้เต็มที่ เติมแต่งความหรูหราให้กับประสบการณ์การอยู่อาศัย

ในบางโครงการ ความหรูหราถูกถ่ายทอดผ่านความเรียบง่าย เช่น โครงการเซนโทร สาทร-สุขสวัสดิ์ (CENTRO Sathorn-Suksawat) โดยบริษัท เอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เจ้าของรางวัล Best Housing Landscape Design-Bangkok พื้นที่สวนได้รับแรงบันดาลใจจากสวนชาแบบญี่ปุ่น (Chaniwa) ที่เน้นความสงบและความเรียบง่าย

ต้นไม้ที่จัดวางประหนึ่งงานศิลปะ ก้อนหินบนทางเดินที่วางอย่างพิถีพิถัน และการเลือกพันธุ์ไม้ที่กลมกลืนกัน ล้วนช่วยสร้างบรรยากาศชวนผ่อนคลาย และส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทุกสไตล์ของความหรูหราย่อมมีคุณค่าที่แท้จริง เมื่อสามารถผสานเข้ากับการอยู่อาศัยและการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์

แม้สไตล์จะมองเห็นได้จากรายละเอียดเล็ก ๆ แต่ความยั่งยืนมักทำงานอยู่เบื้องหลัง องค์ประกอบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลังคาเขียวหรือแผงโซลาร์เซลล์อาจเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ซ่อนอยู่ในวัสดุที่เลือกใช้ วิธีการก่อสร้าง ไปจนถึงคุณภาพชีวิตของแรงงานที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาโครงการเหล่านี้

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้คว้ารางวัล Best Developer ของปีนี้ คือหนึ่งในตัวอย่างที่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยสามารถยกระดับตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตแรงงานในแคมป์ก่อสร้างให้ดีขึ้นถึง 10.5% ซึ่งเป็นมิติของความยั่งยืนทางสังคมที่มักถูกมองข้าม

เช่นเดียวกับโครงการเดอะ แกรนด์ ริเวอร์ฟร้อนท์ ราชพฤกษ์-พระราม 5 (THE GRAND Riverfront Ratchapruek-Rama 5) เจ้าของรางวัล Best Green Residences ที่ออกแบบด้วยมาตรฐานความยั่งยืนสูง ตั้งแต่วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) ที่ช่วยให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดียิ่งขึ้น

ในฝั่งพื้นที่ค้าปลีก โครงการพาเหรด แอท วันแบงค็อก (Parade at One Bangkok) ซึ่งคว้ารางวัล Best Retail Architectural Design และ Best Retail Interior Design ออกแบบโดย Lead8 แสดงให้เห็นถึงการตีความแนวคิด Biophilic Design (แนวคิดการออกแบบที่ผสานธรรมชาติเข้ากับสถาปัตยกรรมและสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น) อย่างลึกซึ้ง

พื้นที่อย่างระเบียง, สวนลอยฟ้า และเฉลียง ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นระบบนิเวศขนาดย่อมที่ช่วยเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และส่งเสริมสุขภาวะของผู้มาเยือน

ส่วนหน้าอาคาร (Façade) เปิดรับผู้คนด้วยพื้นที่กึ่งเปิดโล่งที่ที่เชื่อมต่อกันและให้ร่มเงา ภายในอาคารเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้, หิน และพื้นผิวที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องโดดเด่นเสมอไป แต่อาจซ่อนอยู่เงียบ ๆ ในผนัง ทางเดิน และในชีวิตประจำวันของผู้คนที่ใช้พื้นที่เหล่านี้