เจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน 3 กรณีตัวอย่างปัญหาชวนปวดหัว

กิตติคม พจนี
เจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน 3 กรณีตัวอย่างปัญหาชวนปวดหัว
เจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน ชื่อไม่ตรงกัน อาจนำไปสู่ปัญหาที่สร้างความปวดหัวให้ในภายหลังได้
ปัญหาเจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคนนี้ เกิดขึ้นได้ในหลายกรณี แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ กรณีที่บ้านถูกสร้างบนที่ดินที่ได้รับสืบทอดเป็นมรดก หรือการไปสร้างบ้านบนที่ดินของผู้อื่น เช่น ที่ดินของพ่อตา แม่ยาย หรือญาติพี่น้อง ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีในตอนแรก แต่ภายหลังอาจเกิดความขัดแย้งกัน
รวมประกาศขายโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ
แล้วจะจัดการกับปัญหาดังกล่าวอย่างไร บทความนี้จะเจาะลึกถึงประเด็น "เจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน" เข้าใจถึงสิทธิ์และผลกระทบทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหา
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

1. เจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน แล้วบ้านเป็นของใคร

สิ่งสำคัญที่จะต้องรู้เลยก็คือ หากเราไปสร้างบ้านอยู่บนที่ดินของคนอื่น บ้านก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงนั้นไปเลย ผู้มีกรรมสิทธิ์ในตัวบ้านจึงเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว ถึงแม้เจ้าของบ้านจะมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนราษฎร์ก็ตาม แต่ก็ไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านหรือที่ดินแปลงนี้เลย
ดังนั้น หากคิดจะใช้งบประมาณในการสร้างบ้านสักหลัง สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง เพราะหากเกิดปัญหาไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน หรือเจ้าของที่ดินต้องการขายที่ดิน สุดท้ายก็เป็นเราเองที่จะต้องย้ายออก
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับเจ้าบ้าน

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับเจ้าบ้าน

2. เจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน ต้องการขายที่ดิน ทำได้ไหม

เจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน อีกหนึ่งกรณีที่เป็นปัญหาก็คือเมื่อเจ้าของที่ดินต้องการจะขายที่ดิน แต่เจ้าของบ้านไม่ยอมย้ายออก ตรงนี้เจ้าของที่ดินสามารถทำการขายที่ดินได้เลย และทำการฟ้องร้องให้เจ้าของบ้านย้ายออก โดยอาจจะต้องเสียค่าขนย้ายให้กับเจ้าของบ้าน หรือวิธีที่ดีสุดก็คือเอาโฉนดที่ดินไปที่เขตพร้อมทะเบียนบ้านตัวจริงแล้วเปลี่ยนชื่อเจ้าบ้านให้เป็นชื่อเดียวกับเจ้าของที่ดิน
เจ้าของบ้าน กับ เจ้าของที่ดิน ชื่อ 2 คนไม่ตรงกัน สรุปบ้านเป็นของใคร

3. เจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน ปล่อยเช่าที่ดินให้ผู้อื่นได้ไหม

ส่วนอีกหนึ่งปัญหาสำหรับเจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน ที่พบเห็นกันบ่อย ๆ ก็คือการที่เจ้าของที่ดินปล่อยให้ผู้อื่นอาศัยอยู่บนที่ดิน โดยไม่มีสัญญาเช่า และให้ผู้ที่อาศัยอยู่นั้นเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน ซึ่งตรงนี้เจ้าของที่ดินอาจจะมีความประสงค์เพื่อให้เจ้าบ้านหรือเจ้าของบ้านมาดูแลที่ดินให้หรือด้วยเหตุผลอื่น ๆ ก็ตาม
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับสัญญาเช่าที่ดิน

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับสัญญาเช่าที่ดิน

หากเป็นที่ดินที่มีโฉนดเมื่อเวลาผ่านไปเกินระยะเวลา 10 ปี โดยที่เจ้าของที่ดินไม่ได้มาดูแลที่ดินที่มีเจ้าบ้านมาอยู่อาศัยในกรณีดังกล่าวเลย เจ้าของบ้านก็อาจจะใช้ข้ออ้างทางกฎหมายมาอ้างในการครอบครองปรปักษ์ เพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของเจ้าของที่ดินได้
ยิ่งหากถ้าเจ้าของที่ดินถือเอกสารสิทธิที่ดินเป็น นส.3 หรือ นส.3 ก. แล้วเจ้าของบ้านมีการอ้างว่าได้แย่งการครอบครองมาเป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี โดยที่เจ้าของที่ดินไม่ได้มีการโต้แย้งหรือฟ้องร้องการอ้างสิทธิดังกล่าว เจ้าของที่ดินก็อาจจะเสียสิทธิการครอบครองที่ดินนั้นได้
ในแง่ของเจ้าของที่ดินหากมีความจำเป็นจะต้องให้ผู้อื่น หรือญาติก็ตามมาอาศัยอยู่บนที่ดินของตัวเองก็ควรมีสัญญา หรือระบุชัดเจนว่าผู้ที่เข้ามาอาศัยเป็นที่ดินของตนเองนั้นอยู่ในฐานะผู้เช่า เจ้าบ้าน หรืออย่างอื่น เพื่อไม่ให้เกิดการครอบครองปรปักษ์เกิดขึ้น
โดยสัญญาเช่าระยะยาวแบ่งออกเป็น สัญญาเช่าธรรมดา และสัญญาเช่าต่างตอบแทน โดยมีรายละเอียดดังนี้
สัญญาเช่าธรรมดาสัญญาเช่าต่างตอบแทน
จ่ายค่าเช่าต่อผู้เช่าจ่ายค่าตอบแทน นอกเหนือจากค่าเช่า
โอนสิทธิ์การเช่าไม่ได้โอนสิทธิ์การเช่าไปยังทายาทได้
ฟ้องร้องได้ หากมีการทำหนังสือสัญญาเช่าชัดเจนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่า
ระยะเวลาฟ้องร้องภายใน 3 ปีการปรับปรุงต่อเติมเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

คำถามยอดนิยม

เมื่อมีการสร้างบ้านบนที่ดินของผู้อื่น บ้านจะถือเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินนั้นโดยอัตโนมัติ ตามหลักกฎหมายประมวลแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 146 ดังนั้น ผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านจึงเป็น เจ้าของที่ดินนั้นเอง ไม่ใช่คนที่ปลูกสร้างบ้านขึ้นมา

ชื่อเจ้าของที่ดินกับเจ้าของบ้านเป็นคนละคน ถ้าต้องการเปลี่ยนชื่อเจ้าของบ้านให้ตรงกับชื่อเจ้าของที่ดิน เพื่อให้เอกสารสิทธิ์ครบถ้วน สามารถทำได้โดยเตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ โฉนดที่ดินฉบับจริง และทะเบียนบ้านตัวจริง แล้วนำไปติดต่อที่สำนักงานที่ดินในพื้นที่ที่ที่ดินตั้งอยู่

กรณีที่เจ้าของบ้านได้ครอบครองที่ดินโดยสงบ เปิดเผย และมีเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเกิน 10 ปี เจ้าของบ้านอาจสามารถใช้สิทธิ์ในการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นได้ อย่างไรก็ตาม การอ้างสิทธิ์นี้ต้องมีหลักฐานชัดเจนและต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย

แม้ว่าเจ้าของที่ดินจะอนุญาตให้ปลูกบ้าน บ้านก็ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินอยู่ดี แต่ผู้ปลูกบ้านจะมีสถานะเป็น ผู้เช่า หรือผู้ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัย ซึ่งสิทธิเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างสองฝ่าย หากไม่มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร อาจเกิดปัญหาในภายหลังได้

หากพบว่าชื่อเจ้าของบ้านไม่ตรงกับชื่อในโฉนดที่ดิน ไม่ควรทำการซื้อขายโดยตรง ควรให้เจ้าของที่ดินดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินให้เป็นชื่อเดียวกันก่อน เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต และควรตรวจสอบโฉนดที่ดินตัวจริง ณ สำนักงานที่ดินทุกครั้ง เพื่อยืนยันว่าไม่มีการปลอมแปลงเอกสาร