โปรแกรมคำนวณภาษีขายบ้าน 2568 เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ที่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์สามารถวางแผนการเงินได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ แต่ใช่ว่าการคำนวณจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน ยิ่งเป็นการคำนวณภาษีที่เกี่ยวข้องกับการขายบ้านหรือคอนโดด้วยแล้ว หลายคนอาจจะมองว่าเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน
มาดูวิธีการคำนวณภาษีขายบ้านด้วยตัวเอง พร้อมแนะนำโปรแกรมคำนวณภาษีขายบ้าน 2568 จากกรมสรรพากร โปรแกรมสำเร็จรูปจากหน่วยงานราชการที่ช่วยให้คำนวณค่าใช้จ่ายและภาษีที่ต้องชำระได้ง่ายและไม่ผิดพลาด
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- วิธีการคำนวณภาษีด้วยมือเมื่อคิดจะขายบ้าน
- โปรแกรมคำนวณภาษีขายบ้าน 2568 จากกรมสรรพากร
- เคล็ดลับในการประหยัดภาษีขายบ้าน
วิธีการคำนวณภาษีด้วยมือเมื่อคิดจะขายบ้าน
ก่อนจะไปดูโปรแกรมคำนวณภาษีขายบ้าน 2568 เพื่อให้เห็นภาพว่าการคำนวณภาษีขายบ้านสักหลังนั้นยุ่งยากขนาดไหน ขอยกตัวอย่างขั้นตอนการคิดภาษีคร่าว ๆ ด้วยมือ หากคิดจะขายบ้านราคา 5 ล้านบาท ต้องเสียภาษีเท่าไหร่
1. เริ่มจากต้องนับปีที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์ให้ถูกก่อน ซึ่งไม่ได้นับว่าคุณเป็นเจ้าของมาแล้วกี่ปี แต่นับตามจำนวนปี พ.ศ. ที่เป็นเจ้าของเลย เช่น เป็นเจ้าของตั้งแต่ 1 เมษายน 2562 ถึง 1 มีนาคม 2566 จะไม่ใช่ 3 ปี 11 เดือน แต่เป็น 5 ปี (นับตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2566)
2. ต้องทราบราคาประเมินอสังหาริมทรัพย์ของตนเอง (สมมติว่าราคา 5 ล้านบาท) เพื่อนำมาหักค่าใช้จ่ายเป็นร้อยละตามปีที่ถือครอง เช่น 5 ปี หักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 65 = 3,250,000 บาท ส่วนที่เหลือ 1,750,000 คือเงินที่ต้องไปคิดภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
3. นำเงิน 1,750,000 บาท หารจำนวนปีที่ถือครอง เช่น 5 ปีหารได้ 350,000 บาท แล้วนำไปเทียบกับฐานภาษีที่ต้องเสียแบบขั้นบันไดตามที่สรรพากรกำหนดไว้ ก็จะได้ 300,000 บาทแรกเสียภาษีร้อยละ 5 = 15,000 บาท และส่วนที่เหลือ 50,000 บาท เสียภาษีอีกร้อยละ 10 = 5,000 บาท รวม 20,000 บาท
4. นำเงิน 20,000 บาทคูณจำนวนปีที่ถือครอง เช่น 5 ปี คูณได้ 100,000 บาท นั่นคือภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่คุณต้องชำระ จึงได้ค่าใช้จ่ายก้อนที่ 1
5. ถ้าถือครองไม่ถึง 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่ถึง 1 ปี หรือไม่ได้มาจากมรดกหรือโดยเสน่หา ให้นำราคาขายหรือราคาประเมิน (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งสูงกว่า) มาคิดภาษีธุรกิจเฉพาะอีกร้อยละ 3.3 = 165,000 บาท แต่ในกรณีตัวอย่าง ถือครองมา 5 ปีแล้ว จะเสียค่าอากรแสตมป์เพียงร้อยละ 0.5 = 25,000 บาท จึงได้ค่าใช้จ่ายก้อนที่ 2
6. นำราคาประเมินอสังหาริมทรัพย์มาคิดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์อีกร้อยละ 2 = 100,000 บาท จึงได้ค่าใช้จ่ายก้อนที่ 3
ขั้นตอนการคิดภาษีในข้างต้น เป็นวิธีการที่พยายามย่อที่สุดแล้ว ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่ต้องนำมาพิจารณา โชคดีที่ปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องมาดีดลูกคิดหรือใช้เครื่องคิดเลขกันแล้วเพราะมีโปรแกรมคำนวณภาษีขายบ้าน 2568 โปรแกรมสำเร็จรูปที่สามารถคำนวณภาษีขายบ้าน คอนโด และที่ดินให้ใช้กัน ปีก็ไม่ต้องนับ ฐานภาษีก็ไม่ต้องดู แค่ไม่กี่คลิกก็บอกค่าใช้จ่ายที่ต้องรู้ได้แล้ว

โปรแกรมคำนวณภาษีขายบ้าน 2568 จากกรมสรรพากร
กรมสรรพากรมีโปรแกรมคำนวณภาษีให้บริการฟรีบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเน้นอธิบายถึงวิธีการคิดภาษีทีละขั้นตอนแบบละเอียด และแยกโปรแกรมตามประเภทภาษี โดยสามารถเข้าไปใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรในคอมพิวเตอร์ให้ยุ่งยาก แค่คลิกเลือกหัวข้อภาษีที่เข้าข่ายเงื่อนไขการขายของคุณ
1. โปรแกรมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย (กรณีไม่ใช่มรดก)
หากอสังหาริมทรัพย์ที่คุณจะขาย เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางอื่น ที่มิใช่มรดก หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับมาจากการให้โดยเสน่หา คลิกที่นี่เพื่อใช้โปรแกรม
2. โปรแกรมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย (กรณีเป็นมรดก)
หากอสังหาริมทรัพย์ที่คุณจะขาย เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมรดก หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับมาจากการให้โดยเสน่หา คลิกที่นี่เพื่อใช้โปรแกรม
3. โปรแกรมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย
หากอสังหาริมทรัพย์ที่คุณจะขาย มีนิติบุคคลเป็นเจ้าของ คลิกที่นี่เพื่อใช้โปรแกรม
4. โปรแกรมคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ
ในกรณีที่คุณต้องการรู้เฉพาะภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายอสังหาริมทรัพย์ คลิกที่นี่เพื่อใช้โปรแกรม
5. โปรแกรมคำนวณอากรแสตมป์
ในกรณีที่คุณต้องการรู้เฉพาะค่าอากรแสตมป์ คลิกที่นี่เพื่อใช้โปรแกรม

เคล็ด (ไม่) ลับในการประหยัดภาษีขายบ้าน
การคิดภาษีให้ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อคิดจะขายอสังหาริมทรัพย์ แต่จะดีกว่าไหมถ้าสามารถคำนวณภาษีขายคอนโด บ้านหรือที่ดินแปลงงามแบบประหยัดกว่าเดิม หรือไม่เสียภาษีเลย ซึ่งมีวิธีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านภาษีให้คุณได้ดังนี้
ถือครองครบตามเงื่อนไข | ซื้อบ้านใหม่-ขายบ้านเก่า |
– ถือครองอสังหาฯ เกิน 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี | – ทำเรื่องขอคืนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายสำหรับบ้านเก่าที่ขายออกไปได้ |
– ลดภาระภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือค่าอากรแสตมป์ 0.5% | – มีชื่อในทะเบียนบ้านทั้งเก่าและใหม่รวมกันไม่น้อยกว่า 1 ปี |
– ซื้อบ้านใหม่ก่อนขายบ้านเก่าเท่านั้นจึงจะสามารถขอคืนภาษีได้ |
1. ถือครองให้ครบตามเงื่อนไข
ภาษีธุรกิจเฉพาะเมื่อขายอสังหาริมทรัพย์นั้นมีเงื่อนไขค่อนข้างตายตัวเมื่อคุณคิดจะขายบ้าน เพราะถ้าถือครองอสังหาริมทรัพย์ไม่ถึง 5 ปี หรือไม่ได้มีชื่อในทะเบียนบ้านนั้นเกิน 1 ปี ก็จะเสียภาษีถึง 3.3%
เพราะนั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ครอบครองเพื่ออยู่อาศัยแต่ครอบครองเพื่อซื้อมา-ขายไปนั่นเอง แต่ถ้าคุณอดใจรอถือครองไว้เกิน 5 ปีหรือมีชื่อในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี จากภาษี 3.3% ก็จะเหลือค่าอากรแสตมป์แค่ 0.5% เท่านั้น
ขายบ้านต้องเสียภาษีอะไรบ้าง
ขายบ้านต้องเสียภาษีอะไรบ้าง รวม 4 ค่าธรรมเนียมและภาษีต้องรู้
2. ซื้อบ้านใหม่-ขายบ้านเก่า
ในกรณีที่คุณต้องการขยับขยายครอบครัวด้วยการซื้อบ้านใหม่ และจะขายบ้านเก่า ภาครัฐก็ไม่ใจร้ายเก็บภาษีคุณทั้งตอนซื้อและตอนขาย โดยกรมสรรพากรเปิดโอกาสให้คนที่เข้าเงื่อนไขซื้อบ้านใหม่-ขายบ้านเก่า สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายสำหรับบ้านเก่าที่ขายออกไปได้
โดยคุณต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านทั้งเก่าและใหม่รวมกันไม่น้อยกว่า 1 ปี และต้องซื้อบ้านใหม่ก่อนขายบ้านเก่าเท่านั้นจึงจะสามารถขอคืนภาษีได้
ขายบ้านเก่า ซื้อบ้านใหม่ ประหยัดภาษีได้
ขายบ้านเก่าเพื่อซื้อบ้านใหม่ ประหยัดภาษีได้อย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเปลี่ยนเรื่องวุ่น ๆ ของภาษีขายอสังหาริมทรัพย์ จากความยุ่งยากให้กลายเป็นความสะดวกง่ายดายเมื่อใช้โปรแกรมคำนวณภาษีขายบ้าน 2568 และปีถัดไป ที่จะทำให้คุณรู้ภาษีล่วงหน้า และวางแผนตั้งราคาขายได้อย่างเหมาะสม
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ